ผู้ซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง มาเกินครึ่งชีวิต ซึ่งหลังๆ ใครๆก็ ต้องรู้จักเธอในนามผู้จัดมือทองของวิก 3 พระราม 4 และ เป็นนักปั้นมือทองของนักแสดงสาวสวยอย่าง “แอฟ ทักษอร” ซึ่งผลงานของเธอนั้นเรื่องคุณภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง การันตีได้จากละครหลายๆ เรื่องจนเรียกได้ว่าสามารถสร้างให้นักแสดงโนเนมแจ้งเกิดได้ภายในคืนเดียว จนจัดตั้งกลายมาเป็นบริษัทเรียก ว่าเป็นธุรกิจหลักที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในครอบครัวเลยก็ว่าได้ และยิ่งเก่าก็ยิ่งเก๋า ไม่ว่าจะจัดละครเรื่องไหนๆ ก็ต้องเรตติ้งกระฉูดทุกๆเรื่อง แต่มาช่วงนี้ทุกคนคงแอบสงสัยลึกๆ อยู่เหมือนกันว่าผู้จัดละครมือทองอย่าง “จิ๋ม มยุรฉัตร” นั้นหายตัวไปไหนกัน จึงถึงไว้แต่ทายาท 2 คน ที่คอยสืบสานธุรกิจของแม่อย่างขะมักเขม่น
ซึ่งงานนี้ก็ต้องขอไขข้อข้องใจ ให้กระจ่างกันหน่อยแล้ว สำหรับเรื่องนี้ ที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้มีใครได้เห็น จิ๋ม-มยุรฉัตร โลดเล่นอยู่ในอาชีพผู้จัดละครนั้นก็เป็นเพราะคงจะ ถอยตัวออกห่างอย่างเต็มตัวสักที เพราะด้วยต้องไปดูแลสามีอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้นั้นสามีกำลัง ป่วยด้วยโรคไต ซึ่งต้องฟอกไตทีละหลายๆ ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็ใช้ตังค์อยู่ไม่น้อยแต่เรื่องเงินคงไม่ค่อยเป็น ปัญหาสักเท่าไร่สำหรับจิ๋ม มยุรฉัตร เพราะด้วยทรัพย์สินที่สะสมมานานหลายปีกับอาชีพนักแสดง รวมถึงธุรกิจผู้จัดละครนั้นก็คงพอเยี่ยวยาสามีคู่ทุกข์คู่ยากได้ โดยไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญนั้นก็คือเรื่องสภาพจิตใจที่ถือเป็น เรื่องใหญ่เหมือนกัน เพราะที่ผ่านๆ มานั้นก็คงเรียกว่าไม่ค่อยได้ดูแลสามีอย่างเต็มที่เท่า ไหร่ แต่คราวนี้ลูกก็โตพอที่จะสืบสานเรื่องธุรกิจได้ทั้งสองคนจึงไม่ แปลกที่ตนเองจะถอยตัวออกมาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ซึ่งงานนี้ความไว้เนื้อเชื่อใจก็คงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เหมือนกัน เพราะการเปลี่ยนมือผู้บริหารอย่างนี้ก็ยากหน่อยที่จะได้รับความ ไว้วางใจอย่างเดิมที่เคยมี ต้องถือเป็นศึกหนักของสาว “จ๋า-ยศสินี ณ นคร” กับ ลูกชายหนุ่มหล่อ “เจ็ท-ณัฐพงศ์ อหะหมัดจุฬา” ที่ต้องรับมือให้ไว้ เพื่อสานต่อเจตนาของแม่ให้ได้ ซึ่งงานนี้ทางดาราเดลี่ก็ได้สัมภาษณ์ผู้ดูแลใกล้ชิดก็ได้ให้คำตอบ ว่าในเรื่องของบริษัทก็คงต้องให้คนรุ่นหลังสานต่อไป แต่ยังไงก็ต้องให้โอกาสกับทายาททั้งสองของพี่จิ๋มด้วย ♦