มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก สําหรับ "เสี่ยช้าง-เดชาธร สุวินิจจิต" หัวเรือใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Hit Station ที่ออกอากาศทั้งในระบบเคเบิลทีวีและจานดาวเทียม ครอบคลุมไปทั่วประเทศไทย และยิงสัญญาณสดไปไกลถึงสหรัฐอเมริกามากว่า 3 ปี และก่อนหน้านี้ก็ผุดรายการที่เกาะติด ใกล้ชิดข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการลูกทุ่งเข้าไปอีก ด้วยมุมมองอย่างผู้มีประสบการณ์ สําหรับวงการโทรทัศน์ดาวเทียม ที่ยามนี้มีเจ้าใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เสี่ยช้าง มองว่า
"ตลาดเคเบิลตอนนี้ผมถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ จากการที่พี่ได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีกับงานตรงนี้เมื่อ 6-7 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุด แต่ปัจจุบันโทรทัศน์ดาวเทียมถือว่าเริ่มเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะในแง่ของวงการโฆษณา ซึ่งการที่เราบริหารอยู่ที่ช่อง Hit Station ก็ถือว่าได้รับส่วนตรงนี้ไปเต็มๆ เนื่องจากเราทํามานาน อยู่ในตลาดตรงนี้มานาน เกิดการยอมรับ โดยเฉพาะฐานผู้ชมซึ่งมีมานานแล้ว ทําให้ตลาดโฆษณาดีมากๆ ก็ถือว่า Happy เลย
เราเองที่ทํา Hit Station ซึ่งทุกคนก็จะมีกลยุทธ์ของตัวเอง ในแง่ของเราเอง เมื่อเราไม่ได้เป็นค่ายเพลง เราก็ต้องมาดูว่าศักยภาพที่เรามี ก็อาจจะเป็นเรื่องของวงการลูกทุ่ง นอกจากคุณจะได้ฟังเพลงหลากหลายค่ายแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องของเนื้อหาสาระและการเกาะติดกับคนในวงการลูกทุ่งที่มันเข้มข้นขึ้น ด้วยความที่เราเป็นกลาง เราสามารถที่จะเชื่อมต่อไปได้หลากหลายค่าย รวมถึงนักร้องอิสระทั้งเก่าและใหม่ มันก็จะเกิดความหลากหลายในวงการลูกทุ่งมากขึ้น
ในอนาคตวงการโทรทัศน์ดาวเทียมมันก็จะใหญ่ขึ้น แต่ตอนนี้ใครที่เพิ่งจะเริ่มใหม่ๆ อันนี้แหละที่น่ากลัว เพราะต้องคิดให้ดีก่อนว่า การที่จะลงมาตรงนี้ Content คุณเป็นที่ถูกอกถูกใจไหม คือต้องคิดให้ดีก่อน มันไม่ใช่อยู่ในยุคที่ว่า อยากจะเปิดอะไรก็เปิด แล้วคุณจะ Success หรือประสบความสําเร็จ มันไม่ใช่แล้ว มันเป็นช่วงของคนที่จะเข้ามาใหม่นี่ต้องคิดให้ดีว่า ศักยภาพคุณใช่ไหม แล้วคุณจะเข้าไปอยู่ใน Secment ประเภทไหน คู่แข่งคุณเป็นใคร คุณต้องทําการบ้านเยอะกว่าแต่ก่อนมาก เพราะไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะประสบความสําเร็จทุกคนหรอก
เพราะว่าทุกคนที่ลงมาทําตรงนี้ ผมเชื่อว่า 80-90% ในช่วงแรกๆ ทุกคนก็คงจะมุ่งหวังจากการที่จะได้รับเงินจากการโฆษณาทางใดทางหนึ่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่า วันนี้วงการโฆษณาไม่ว่าจะเป็นเอเยนซีสินค้าเริ่มให้การเชื่อถือสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมในช่วงสักปีกว่าๆ นี้เอง
โฆษณาที่เข้ามานี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นตัวผลักดันทําให้รายการแต่ละรายการต้องแข่งขึ้น คือแข่งขันในเรื่องคุณภาพของตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่เม็ดเงินโฆษณาเข้ามานี้แค่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะฉะนั้นการแข่งขันมันก็จะต้องแข่งขันด้วยคุณภาพรายการ เพื่อที่ทุกคนจะได้มีเม็ดเงินโฆษณาตรงนั้นเข้ามา ซึ่งมันก็จะดีกับอุตสาหกรรมนี้
สําหรับตัวพี่เองตอนนี้โปรเจ็คท์ที่เราทําหลายๆ เรื่องก็ได้เดินมาถึงจุดหนึ่งแล้วที่เราคิดว่าเราควรจะ maintain แล้ว และถ้าจะเรียกว่าถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็น่าจะพูดได้ เพราะว่าวันนี้ในกลุ่มของที่พี่ทําอยู่ สื่อหลายๆ ตัวก็กลายเป็นที่ยอมรับในวงการโฆษณา เราก็เริ่มพัฒนาตรงนี้ในระบบของวิธีการที่เรียกว่า ถ้าคุณจะโฆษณาคุณจะโฆษณากับใคร ซึ่งมันก็น่าจะเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับตรงนี้มานานแล้ว เข้าใจตลาดสื่อที่เป็นโทรทัศน์ดาวเทียม หรือจะเป็นวิทยุเน็ตเวิร์ค อย่างที่เราทําลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค เพราะวันนี้เราจะจับ 2-3 ตัวนี้มา Synergy กัน
จากนี้ไปคงยังไม่มีอะไรใหม่ นอกจากการที่จะทําให้สิ่งที่เรามีอยู่แล้วแข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังมีช่องใหม่เกิดขึ้นอีกช่องหนึ่งที่ผมได้ไปช่วยทําให้กับช่องเกษตร แชนแนล เราก็ไปช่วยเขาผลิต ถ้าเป็นอะไรที่ใหม่จริงๆ คงยังไม่มี เพียงแต่จะมีสิ่งที่มันเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง ♦
