หลังจากที่ เจ้าชายแห่งเปอร์เซีย "เจค จิลเลนฮาน" จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหญ่ "Prince of Persia : The Sands of Time" ของค่าย วอลท์ ดิสนีย์ ได้ปรากฎสู่สายตาผู้ชมในโรงภาพยนตร์ไป ในวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็สามารถพลิกประวัติศาสตร์ ลบคมสบประมาทเกี่ยวกับหนังที่สร้างจากเกมทั้งหลาย ลงได้อย่างสวยงาม โดยกระแสตอบรับของผู้ชมต่างชื่นชมว่าเป็นหนังที่ดูสนุก ตื่นเต้น และ ให้ข้อคิดดีๆ กลับบ้านไปอีกด้วย
งานนี้ถึงแม้กระแสบอลโลกฟีเวอร์จะแรงขนาดไหน หนุ่มเจค กล้ามโต และโปรดักชั่นระดับเจ้าพ่อฮอลลีวู้ด ที่เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ต้องของเฮีย "เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์" การันตีฝีมือซะอย่าง 5 วัน พุ่งพรวดกวาดรายได้ไป 50 ล้านบาท ในประเทศไทย
"คุณรชต ธีระบุตร" กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ จากบริษัท ภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า
"กระแสของ Prince of Persia ค่อนข้างดีมาก ตั้งแต่ก่อนเปิดฉายพร้อมกันทั่วโลกครับ แต่ทาง วอลท์ ดิสนีย์ ประเทศไทยได้ตัดสินใจเลื่อนกำหนดเปิดฉายมาเป็น 10 มิย ในวินาทีสุดท้าย เพราะเหตุความไม่สงบทางการเมือง เราจึงตัดสินใจเลื่อนมาฉายอีก 2 สัปดาห์ หลังสหรัฐอมเริกาและเกือบทุกประเทศที่เปิดฉายไป ทั้งนี้เพื่อรอให้บรรยากาศ ในเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของประเทศไทย กลับเข้าสู่ภาวะปกติให้มากที่สุดครับ ที่ถึงแม้จะถูกกระแสบอลโลก และยังต้องผจญกับแผ่นผีที่ออกมาแล้ว แต่ 5 วัน 50 ล้านบาท (ทั่วประเทศ) ก็ต้องถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งครับ
หนังเรื่องนี้ เปิดตัวเป็นอันดับ 2 ที่ สหรัฐอเมริกา และในบางประเทศในทวีปยุโรป แต่ในภูมิภาคเอเชียแล้ว Prince of Persia เปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ในทุกประเทศ โดยสามารถกวาดรายได้ไปทั่วโลก (นับรวมตลาดอเมริกาเหนือ) แล้วเกือบ 300 ล้านเหรียญ
ส่วนผสมของหนังที่มีผลต่อรายได้ของหนังเรื่องนี้ ผมมองว่าประเด็นแรกเลยคือ สโคปของหนัง-อีพิคแอ๊คชั่น , เรื่องต่อมาคือ สเปเชียลเอฟเฟค บวกกับ ดารา ที่ได้ เจค จิลเลนฮาน และ เจ็มมา อาร์เทอตัน และเหนืออื่นใด เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ ครับ เขาคือ ผู้อำนวยการสร้างที่มีคุณภาพระดับโลกจริงๆ
แล้วคุณจะพลาดหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ปี 2010 จาก ดิสนีย์ ได้ยังไง พิสูจน์ความมันส์ วันนี้ ในโรงภาพยนตร์ ♦