แห่งพระราชบัญญัติ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ที่ระบุว่ากรรมการนโยบาย จํานวน 9 คน มีวาระดํารงตําแหน่งคราวละ 4 ปี (ครบ 2 ปีในวันที่ 1 ส.ค.53) และต้องออกจากตําแหน่งจํานวน 4 คน โดยวิธีจับสลาก เป็นการพ้นตําแหน่งตามวาระ
สําหรับผลการจับสลากปรากฏว่า ศ.เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม นายจอน อึ๊งภากรณ์ นายสมชัย สุวรรณบรรณ และ ผศ.ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ จับสลาก "ออก" ส่วนกรรมการนโยบายที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อได้แก่ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป นายกมล กมลตระกูล นางจินตนา พันธุฟัก นางมัทนา หอมลออ และ รศ.ดร.อรศรี งามวิทยาพงศ์
โดยกรรมการนโยบายที่จับสลากออกแล้ว สามารถสมัครเพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่จะอยู่ในตําแหน่งได้ไม่เกินสองสมัย ด้าน ศ.เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม ประธานกรรมการนโยบาย กล่าวว่า ในภาพรวม พบว่าผลงานต่างๆ บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เกินกว่าร้อยละ 60 ซึ่งก็น่าพอใจ แต่ยอมรับว่า มีส่วนที่ต้องพัฒนาต่อโดยเฉพาะการทําให้ผลงานหน้าจอทีวีไทย เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในด้านความเป็นอิสระของการทํางานตามวิชาชีพสื่อมวลชน มั่นใจว่า สื่อสาธารณะแห่งนี้ได้ทําหน้าที่อย่างเต็มที่
"ผมถือว่า เราประสบความสําเร็จที่ทํางานโดยยึดความเป็นอิสระและความตรงไปตรงมาในการทํางาน หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะ ช่วงวิกฤติทางการเมือง ในเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้ว่า ทีวีไทยได้รับความเชื่อถือจากผู้ชมอย่างมาก ผลสํารวจความนิยมผู้ชมที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี สื่อสาธารณะ มีหน้าที่ต้องตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของคนในสังคม"
ในการทํางานสองปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นเรื่องยากที่สุดคือ การบริหารคน เนื่องจากพื้นฐานเดิมเป็นบุคลากรจากด้านธุรกิจ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสื่อสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย และต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามเห็นว่า สิ่งที่กรรมการนโยบายจะต้องทําต่อไป คือ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรสื่อสาธารณะให้เกิดขึ้นให้ได้
สําหรับกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ประกอบด้วย ศ.เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม นพ.พลเดช ปิ่นประทีป นางจินตนา พันธุฟัก ด้านการบริหารจัดการองค์กร ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ นายสมชัย สุวรรณบรรณ ด้านกิจการสื่อสารมวลชน ดร.อรศรี งามวิทยาพงศ์ นางมัทนา หอมละออ นายจอน อึ๊งภากรณ์ และนายกมล กมลตระกูล ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชน หรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคมที่ประชุมกรรมการสรรหา ได้มีมติเลือก นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ เป็นประธานกรรมการ นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ รองปลัดประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการสรรหา และ ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ เป็นเลขานุการกรรมการสรรหาฯ
ด้านนายเทพชัย หย่อง ผู้อํานวยการ ส.ส.ท. กล่าวว่า ในปี 2554 จะปรับเนื้อหารายการข่าวและสาระบันเทิง ช่องทีวีไทย โดยรายการข่าวจะลดการนําเสนอข่าวกระแสหลักที่ทุกสถานีทีวีนําเสนออยู่แล้ว แต่จะเสนอ ข่าวเชิงลึก ให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน อธิบายที่มาที่ไปของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่รายการประเภทสาระบันเทิงและสารคดี จะนําเสนอความบันเทิงแบบมีสาระ ทั้งดูสนุกและได้ข้อคิด ซึ่งปีนี้ได้นําเสนอละครสร้างสรรค์สังคมไปแล้ว 2 เรื่อง คือ ผีเสื้อและดอกไม้ และ หมอหงวน...แสงดาวแห่งศรัทธา ซึ่งได้รับการตอบรับดี แต่คงไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับละครแนวตลาดของช่องอื่นๆ
นอกจากนี้กําลังศึกษาขยายสื่อใหม่ๆ ในปีหน้า โดยเฉพาะเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ โซเชียล มีเดีย เพื่อเป็นเวทีในการแสดงออกทางความคิดเชิงสร้างสรรค์ต่อสถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม เพราะวิกฤติการเมืองที่ผ่านมา พื้นที่ในสังคมออนไลน์ เป็นเวทีหลักในการแสดงออกความเห็นของหลากหลายกลุ่ม และเป็นสื่อใหม่ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ♦