และเข้าพิธีสมรสพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 54 ล่าสุด CEO แห่งนกแอร์ “พาที สารสิน” ก็ได้จูงมือดาราสาว “บี-ปีติภัทร จิตณาธรรม” หรือ “บี-ปิยวรรณ” ร่วมฉลองมงคลสมรสกันอย่างชื่นมื่นท่ามกลางแขกเหรื่อร่วมแสดงความยินดีอย่างมากมายทั้งในและนอกวงการอาทิ “แบงค์ พชร-นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์”, “โดม-ปกรณ์ ลัม” ที่รอบนี้ควงคู่แฟนสาว “น้องเพ้นท์” มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ, “บอย-อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี” หรือ “บอย พีชเมกเกอร์” ที่ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะได้ควงมากับหวานใจสาว “เจี๊ยบ-พิจิตรา สิริเวชชพันธ์” หรือจะเป็นคู่ของคู่โย่งอย่าง “โย่ง อาร์มแชร์” และ “ก้อย แซทเทอร์เดย์เซโกะ”
และก่อนที่จะเริ่มพิธีอย่างเป็นทางการฝ่ายเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายอย่างลึกซึ้งว่า...
ความรู้สึกในพิธีฉลองมงคลสมรสวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
บี : “ต้องขอบคุณทุกคนที่มาหลังจากที่ลุ้นกันมาจนย่างเข้าปีที่ 7 ก็ถึงเวลาสักที เพราะพี่นักข่าวก็ถามกันมาตลอดว่าเมื่อไหร่จะแต่ง”
พาที : “ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์มาร่วมงานในวันนี้ คือเราก็คบหากันมานานแล้วก็ถึงเวลามีลูกมีแฟมิลี่สักที”
สาเหตุที่ตกลงปลงใจแต่งงานกันเพราะอยากลูกหรือเปล่า?
พาที : “อันที่จริงแล้วผมขอเค้าแต่งตั้งแต่คบหากันตั้งแต่ 3 เดือนแรกแล้วแต่ตอนนั้นงานเยอะก็ต้องผ่านวิกฤตธุรกิจกันมาบีเองก็อยากทำงานที่ไม่ใช่นักแสดง”
บี : “ตอนนั้นที่พี่เค้าขอแต่งงานเราก็ยังงงอยู่ ว่าทำไมเค้าไปขอแต่งงานที่หน้าห้องน้ำ ตอนนั้นก็คือไปทานข้าวกับพ่อแม่ “พี่ดู๋ง-พาที”
พาที : “ตอนที่ขอเค้าแต่งงานตอนที่คบหากันตอน 3 เดือนมันเป็นความรู้สึกว่าเค้าใช่แฟนเราและเป็นคู่ของเราก็เลยไม่ได้วางแผน ก่อนก็เลยขอแต่งตรงนั้นเลย มันก็เลยคิดกันมาเรื่อยๆ อยู่พักหนึ่งเหมือนกัน ก็คือเรื่องการแต่งงานเรามีการวางแผนเราไม่ได้สายฟ้าแลบ เราเตรียมมาหลายปี เนื่องจากเวลา สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ เราเอาเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้ต้องแต่งตามกระแสคนกัน อยู่ที่ความพอใจและความพร้อม”
เพราะอะไรที่ทำให้ตัดสินใจแต่งงานกัน?
บี : “นักข่าวส่วนใหญ่จะเขียนว่าเค้าเป็นไฮโซ เค้าเป็นคนมาจากนามสกุลดัง แต่เมื่อได้คบกันแล้วไม่มีอารมณ์นั้นอยู่เลยเค้าเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มี จิตใจดีและมีความดีอยู่ในตัวมากพอที่จะให้เค้าเป็นคนที่สามารถดูแลเราไปตลอดชีวิต”
พาที : “สมัยก่อนผมไม่ทราบว่าเค้าเป็นดาราตอนที่จีบกันใหม่ๆ ผมคิดแค่ว่าเค้าเป็นดีเจ ก็คือตอนนั้นเค้าถ่ายละครลอดลายมังกรอยู่ ไปนั่งรอดูเค้าเข้าฉากรู้สึกว่าเค้าเหนื่อยมาก อีกอย่างเขาเป็นคนดี ไม่ใช่แบรนด์เนม ซึ่งก็เหมือนกับผมและเป็นผู้หญิงฉลาดงานที่เค้าทำอยู่ที่เมืองไทยประกันชีวิต ถือว่าเป็นอะไรที่ยาก เค้าเป็นคนสบายๆ เป็นเพื่อนเป็นแฟนและเป็นภรรยาและก็เอาสุนัขมาให้”
บี : “จริงๆ แล้วเราแต่งงานกันตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.54 ก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสารสิน บีได้รับการต้อนรับจากที่บ้านน่ารักมาก ชีวิตไม่ได้แตกต่างจากเดิมเลย ยังทำงานเหมือนเดิม ยังมีเพื่อนกลุ่มเดิม แต่เราใช้ชีวิตอยู่บนเตียงด้วยกันมีสุนัขอยู่ข้างๆ ด้วยหนึ่งตัว แพลนชีวิตต่อจากนี้คงเป็นไปตามสเต็ปไม่ได้เร่งรัดเรื่องมีลูก ถ้ามีก็มีถ้าถึงเวลาแล้วไม่ได้ก็อาจต้องปรึกษาหมอกันไป ณ ตอนนี้สบายๆ ไม่ได้กดดันตัวเองค่ะ”
สำหรับเรื่องทายาทวางแผนอย่างไรไว้บ้าง?
พาที : “คือก็อยากมีเลยครับเพราะตอนนี้ผมอายุ 49 จะ 50 ปีแล้ว ถ้าลูกอายุ 20 ผมก็ 70 ปีแล้ว จะเตะบอลกับลูกก็ยังไม่ได้เลย คิดว่ามีตอนนี้มีเลยน่าจะดี ก็อยากได้ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายสมัยนี้อายุ 15-16 ปีก็ไปจีบสาวและหายไปเลย แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะอยู่กับบ้าน ผมก็จะสอนให้ลูกเล่นกีตาร์ เล่นสควอชได้”
แพลนฮันนีมูนมีหรือยังจะไปที่ไหน?
พาที : “ไป 11 เม.ย. 54 เพราะคิดว่าจะพาบีไปเที่ยวช่วงสงกรานต์อยู่แล้ว ปีนี้ก็จะพาบี ไปเที่ยวอีก บังเอิญปีนี้แต่งงานเลยกลายเป็นฮันนีมูนไปในตัว ผมก็จะพาเขาไป ซานฟรานซิสโก, ลาสเวกัส และ ฮาวาย ไปประมาณ 10 วัน ไปพร้อมกับแบงค์ และนิหน่า ด้วย”
อย่างไรก็ตามภายในงานฉลองแต่งงานเจ้าบ่าวยังได้ทำเซอร์ไพรส์เจ้าสาวด้วย การร้องเพลงที่ได้เป็นผู้เรียบเรียงเนื้อร้องทำนองด้วยตัวเองภายในงานครั้งนี้ด้วย โดยฝ่ายเจ้าบ่าวเผยว่าเพลงนี้ได้แต่งขึ้นในยามที่คิดถึงเจ้าสาวนั่นเอง ♦