"ผี"ขย่มจอแก้ว

"ผี"ขย่มจอแก้ว

1

       จึงยังไม่เป็นที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็น ชีวิตหลังความตาย ซึ่งมีเรื่องเล่าขานกันมามากมายในอดีต ผู้คนมักหวาดกลัวผี แม้ว่าขณะที่เจอผี จะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนหรือไม่ก็ตาม โดยสัญชาตญาณคนเราจึงตัดสินใจที่จะหนีให้พ้นๆ พูดคุยเสียงดังๆ สวดมนต์ ขออภัยที่ล่วงเกิน หรือวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อทําให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น

เรื่องราวเกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือความเชื่อนั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมาช้านานจนถึงทุกวันนี้เรื่องราวเหล่านี้ก็ยังไม่จางหายไปจากสังคมไทย ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมตะวันตกจะค่อยๆ แทรกเข้ามามากมายเพียงใดก็ตาม

ความเร้นลับ-ลี้ลับเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ตามพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง ยิ่งไกลยิ่งมีสิ่งที่น่าค้นหามากยิ่งขึ้น ทําให้พวกที่ต้องการความท้าทายในชีวิตออกเสาะแสวงหาความน่ากลัวเหล่านี้เอามาเก็บไว้เป็นประสบการณ์ พอนานวัน  เข้าผู้ที่ชอบความท้าทายเหล่านี้นับจะมากขึ้นทุกทีๆ

คนเราส่วนใหญ่เกิดมาใช่ว่าจะเหมือนกัน แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะเคยสัมผัสพลังงานที่เรามองไม่เห็น ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผี หรือวิญญาณ บางคนก็เกิดมาพบเรื่องพวกนี้ประจําจนชินชา อีกทั้งยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กลัวสิ่งเหล่านี้แต่ก็ชอบดู ชอบเสพ พวกนี้ประจํา

ด้วยเหตุผลนี้บรรดาผู้จัด บริษัทผลิตรายการ ทั้งวิทยุ และโทรทัศน์ จึงเกิดไอเดีย นําเอาลักษณะนิสัยของคนไทยที่แม้จะกลัวแต่ชอบฟังชอบดูเรื่องผีๆ มานำเสนอผ่านทางสื่อ นอกเหนือจากการจับกลุ่มเล่าเรื่องผี ในกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ทั่วไป

โดยเมื่อปี พ.ศ 2538 บริษัทเวิร์คพ้อยท์ฯ โดย "คุณปัญญา นิรันดร์กุล"  ได้ริเริ่มนําเรื่องราวผีๆ มาเสนอให้ชมเป็นครั้งแรกทางโทรทัศน์ รายการมีชื่อว่า "ชมรมขนหัวลุก" ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 22.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 รายการดังกล่าวได้ "ธงชัย ประสงค์สันติ" และ "มยุรา เศวตศิลา" รับหน้าที่พิธีกรรายการ ออกอากาศครั้งแรก 17 กุมภาพันธ์ 2538  เป็นรายการประเภททอล์คโชว์ โดยนําเสนอประสบการณ์ และความเชื่อ ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ กับเรื่องราวความลี้ลับ สยองขวัญ ที่ยังอยู่ในความทรงจําของคนไทย และก่อให้มีกระแส "Talk of the Town" เกิดขึ้นตามมาครั้งแล้วครั้งเล่าหลังการออกอากาศแต่ละตอน กับเสียงโหยหวนจากเพลงนํารายการที่คนไทยไม่เคยลืม เป็นสิ่งยืนยันความสําเร็จของรายการนี้

มีเกิดย่อมมีดับ กระแสความนิยมในเรื่องผีที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในที่สุดก็กลายเป็นความเบื่อหน่ายจนทําให้รายการ ชมรมขนหัวลุก หมดความนิยมลงวันที่ 26 กันยายน 2540 เป็นเทปสุดท้ายของรายการที่ออกอากาศก่อนจะถูกถอดจากผังในที่สุด และในปี 2545 รายการดังกล่าวก็ได้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ออกอากาศทางช่อง ไอทีวี แต่ก็ไม่บูมเท่าที่ควร จนกลายมาเป็น "คนอวดผี" ในวันนี้

ถ้าหากพูดถึงเรื่องผี เป็นเรื่องที่บริษัทผู้ผลิตรายการ ต่างสนใจที่จะนําเอาเรื่องราวมาทําเป็นรายการ เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีผู้ชมรายการมากมาย แต่ติด อยู่ที่เดียว คือไอเดียที่นอกเหนือจากการนั่งเล่าเรื่องเดิมๆ ก็น่าจะมีอะไรแปลกใหม่ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ มานำเสนอ ที่เห็นก็หนีไม่พ้นการล้อมวงนั่งคุยกัน

ในขณะเดียวกันทางคลื่นวิทยุ กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ชื่อของ "ป๋อง-กพล ทองพลับ" โด่งดังทางหน้าปัดวิทยุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่าเรื่องผีของเขามีผู้ที่ติดตามมากมายในชื่อ "เดอะ ช็อค" รายการเล่าเรื่องผีที่ให้ผู้ฟังโทรมาเล่าประสบการณ์สยองขวัญของตนเอง และต่อมาได้คิดฉีกแนวจัดรายการร่วมสนุก ให้ผู้ชมทางบ้านมาร่วมพิสูจน์ความจริงกับทางรายการ กิจกรรมสํารวจบ้านผีขึ้น นี้เอง ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก "กพล ทองพลับ" คนนี้

และนานวันก็ยิ่งมีอุปกรณ์ไฮเทคที่เรียกได้ว่า ฮิตมากในหมู่นักล่าผี นั่นคือ EMF Meter หรือเครื่องวัดพลังงาน เป็นเครื่องมือที่ทําให้ผู้ฟังได้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา หลักการทํางานของเครื่องนี้ คือถ้าในสถานที่นั้นมีพลังงานมากพอ เสียงก็จะดังถี่มากขึ้น นั่นหมายถึงสถานที่แห่งนั้นมี "ผี" นั่นเอง

ตั้งแต่นั้นมา รายการผีทุกรายการก็จะต้องมีเจ้าเครื่องนี้อยู่ในทุกๆ ครั้งที่ไปพิสูจน์ความจริงกันที่บ้านร้างทุกที่ที่ได้ไป สังเกตได้ว่าทุกๆ ครั้งที่มีกิจกรรม  ยิ่งทําให้คนพูดถึงความน่ากลัวของบรรยากาศแต่ความน่าตื่นเต้นอาจจะน้อยกว่าทางวิทยุ เพราะการที่เราได้เห็นภาพนั้นมันน่ากลัวน้อยกว่าที่เราได้ยินแค่เสียงที่ทีมงานโทรมารายงาน ในสภาวะความกดดัน

ในจอโทรทัศน์ ก็ใช้วิธีนี้เช่นเดียวกันในการทํารายการ นอกจากการนั่งคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นมิติลี้ลับ, มิติพิศวง, ชั่วโมงพิศวง แต่สังเกตได้ว่ารายการเหล่านี้ มักจะอยู่ไม่นาน บางรายการก็ไม่ถึงปี เพราะความซ้ำซาก จําเจของรายการ

ที่น่าแปลกใจก็ตรงที่รายการประเภทผีๆ นี้ ติดผังแต่ละที ต้องกลายเป็นกระแสให้พูดถึงตลอด เรทติ้งแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เล่นๆ ทว่ารายการสยองขวัญ ขนหัวลุกที่ว่านี้อยู่ได้เพียงไม่นาน ทั้งๆ ที่มีวิธีการนําเสนอใหม่ๆ ก็ตาม

ปัจจุบันยังมีรายการที่ขายความลึกลับเช่นนี้อีกมาก โดยเฉพาะรายการ "คนอวดผี" ที่กําลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในรูปแบบเดิมๆ มีการเล่าเรื่องและออกไปพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับสถานที่เร้นลับ บางเทปเป็นแนวทอล์คโชว์ บางสัปดาห์ก็มีการนําเรื่องราวผีๆ มาเรียกเรทติ้งให้กับรายการอีกด้วย

ปัจจุบันนี้วงการเคเบิลทีวีกําลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทําให้บรรดานายทุนทั้งหลายต่างหันหน้าไปทําช่องของตนเอง หลากหลายแนว และยังมีช่องทีวีที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 5-6 ช่อง นี่ยังไม่นับรวมช่องที่เกี่ยวกับการขายวัตถุมงคล และความเชื่อหรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่เกี่ยวข้องกับความลี้ลับเข้าไปด้วย

นับวันยิ่งมีคนต้องการที่จะเสพความตื่นเต้นแสนท้าทายไม่สามารถพิสูจน์ได้ที่ว่านี้ หลายคนเลือกที่จะรอดูทางจอโทรทัศน์หรือฟังทางวิทยุ ยังมีบางคนเลือกที่จะเดินทางไปยังสถานที่ที่ผู้คนต่างร่ำลือถึงความน่ากลัว ทั้งๆ ที่ทางรายการก็พยายามปิดชื่อสถานที่เอาไว้ เพราะการเดินทางไปในแต่ละครั้งนั้น ความปลอดภัยเป็นสิ่งสําคัญ บางทีอาจจะเจอสัตว์ มีพิษหรืออาจจะพบพวกมิจฉาชีพอยู่ในบ้านหลังนั้น ท้ายที่สุดก็ยังห้ามพวกชอบลองของเหล่านี้ไม่ได้สักที

ในอนาคตข้างหน้า ดาราเดลี่เชื่อว่า อย่างไรเสียรายการประเภทนี้จะยังคงติดอยู่ในผังช่องต่างๆ อีกนาน ซึ่งไม่ได้หมายถึงอายุรายการ แต่หมายถึงยังจะมีการผลิตรายการผีๆ ออกมาเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ "ความเชื่อ" ในเรื่องราวเหล่านี้ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจคนไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments