10 วิธีเพื่อให้การนอนหลับดีขึ้น

10 วิธีเพื่อให้การนอนหลับดีขึ้น

1

1. พยายามเข้านอน ในเวลาเดียวกันทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันหยุดก็ตาม การทำแบบนี้จะทำให้วงจรการหลับการตื่นของร่างกายทำงานได้ดี และจะช่วยทำให้คุณสามารถหลับได้ง่ายขึ้น

2. อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มในปริมาณมากก่อนเวลานอน พยายามรับประทานอาหารเย็นแบบเบา ๆ ควรจะก่อนเวลาที่จะเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน พยายามเลี่ยงอาหารเผ็ดและอาหารมันเพราะจะทำให้อาการกรดไหลย้อนเป็นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในการนอนต่อมา สำหรับเรื่องเครื่องดื่มก็เช่นเดียวกันครับการดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้คุณ ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก

3. หลีกเลี่ยงบุหรี่ กาแฟ คาเฟอืน และแอลกอฮอล์ สารเหล่านี้จะทำให้ไม่ง่วง คนที่สูบบุหรี่มักจะมีอาการอยากบุหรี่ในช่วงกลางดึก และการสูบบุหรี่ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่แล้ว สำหรับเรื่องกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอืนไม่ควรได้รับภายใน 8 ชั่วโมงก่อนนอน สำหรับแอลกอฮอล์มีความเชื่อว่าจะทำให้หลับ แต่จริง ๆ แล้วจะรบกวนการนอนของคุณ

4. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภท แอโรบิก จะช่วยให้หลับได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรออกกำลังกายดึกเกินไปนะครับ เพราะยิ่งทำให้หลับยากเหมือนกัน

5. จัดสิ่งแวดล้อมในห้องนอน ให้เย็น มืด เงียบ และรู้สึกสบาย พยายามปิดโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ วิทยุ หรือถ้าไม่มีไว้ในห้องนอนด้วยยิ่งดีครับ

6. พยายามเลี่ยงการนอนกลางวัน ถ้าติดนิสัยการนอนกลางวันพยายามจำกัดไม่เกินครึ่งชั่วโมงในช่วงไม่เป็นเวลา เย็นเกินไป ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานในเวลากลางคืน ควรจัดเป็นม่านกันแสง เพื่อไม่ให้รบกวนการนอน เพราะแสงสว่างจะรบกวน biological clock ของคุณ7. เลือกที่นอนและหมอนที่ทำให้คุณหลับได้สบาย ซึ่งแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณรบกวนคุณในเวลานอน ควรจำกัดไม่ให้เข้าในห้องนอน

8. สร้างพฤติกรรมที่ผ่อนคลายเป็นประจำในช่วงก่อนนอน ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมเดิม ๆ ที่เป็นการเตือนว่าใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลงเบา ๆ อาบน้ำอุ่น

9. เข้านอนเมื่อคุณรู้สึกง่วง ปิดไฟให้มืด แต่ถ้าคุณยังไม่หลับใน 20 นาที อาจจะลุกขึ้นมาหากิจกรรมทำสักเล็กน้อย บางคนยิ่งไปกังวลเรื่องนอนไม่หลับ ทำให้ยิ่งเครียดและนอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิม

10. เลือกใช้ยานอนหลับเป็นทางเลือกสุดท้าย และควรจะพบแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนที่จะได้เริ่มใช้ยา และใช้ยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น   ♦

 

 

ที่มา : Dr.carebear www.facebook.com/drcarebear

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments