"FAST FURIOUS 5"

"FAST FURIOUS 5"

1

       ในบรรดาหนังแอ็คชั่นที่มีเรื่องรถมาเกี่ยวข้องเท่าที่เคยดูมานั้น ดูเหมือนว่าหนังตระกูล Fast and Furious จะโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมถึงทํารายได้ทุกภาคแตะหลักร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ภาค 1 (The Fast and the Furious) ที่ฉายเมื่อปี 2001 จนถึงภาคล่าสุดที่เป็นภาคที่ 5 นั่นคือ Fast Five

Fast Five หรือชื่อในบ้านเรา Fast and Furious 5 เป็นหนังภาคต่อที่กําลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเนื้อเรื่องสานต่อจากภาค 4 โดย ไบรอัน (พอล วอล์กเกอร์) ได้เข้าช่วยเหลือ ดอม (วิน ดีเซล) จากการส่งตัวไปเรือนจํา หลังถูกตัดสิน ให้จําคุก 25 ปี ทําให้ทั้งสองคนหลบหนีไปยัง เมืองริโอ เดอ จา เนโร ประเทศบราซิล แต่ขึ้นชื่อว่าโจร ยังไงก็ต้องเป็นโจร  วันยังค่ำ เมื่อทั้งหมดดันไปเกี่ยวข้องกับขาใหญ่ที่คุมเมือง

ตัวหนังยังคงความรู้สึกเดิมๆ ยิ่งคนที่ติดตามตั้งแต่ภาค 1 นั้น เปรียบเหมือนการคืนสู่เหย้า เจอเพื่อนเก่าๆ ความรู้สึกเดิมๆ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างรู้สึกได้คือรถแต่งสวยๆ ที่มีอยู่ภายในเรื่อง ภาคล่าสุดถึงแม้จะมีน้อยลงแต่ความสนุกกลับมีมากขึ้น

หนังเรื่องนี้ไม่จําเป็นต้องย้อนไปดูภาค 1 ไม่ใช่ว่าไม่ควรดู แต่มันก็ไม่สําคัญอะไรเท่าไหร่ เพียงแค่เรารู้จักความเป็นมาของตัวละครเท่านั้น ข้อได้เปรียบของหนังคือการให้ตัวละครมีอารมณ์ความเป็นครอบครัวออกมาทําให้คนดูรู้สึกได้ และตบท้ายด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ ที่อัดกัน  ตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเรื่อง

ส่วนนักแสดงนั้นไม่ต้องพูดถึง ฝีมือระดับเซียนทุกคน แต่ที่น่าปรบมือให้กับผู้กํากับคือการเลือก "ดเวย์ จอห์นสัน" หรือ "เดอะ ร็อค" มาเป็นตํารวจคู่ปรับของ "วิน ดีเซล" ถือเป็นมวยที่ถูกคู่มากๆ ขนาดเท่ากัน ยิ่งเป็นฉากแอ็คชั่นของทั้งคู่ยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก

ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังภาคที่ 5 เข้าไปแล้ว แต่องค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่ในหนังก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน นั่นจึงทําให้เกิดคําถามว่า ทําไมคนทั่วโลกถึงชอบหนังเรื่องนี้มากมายนัก ค้นไปค้นมาจึงจบกับคําตอบอยู่ 2 อย่าง คือ รถแต่ง และแอ็คชั่น

และนี่คือความสมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับรถแข่งอย่าง "Fast Five" ที่ไม่ใช่ว่าจะมีรถแข่งและฉากแอ็คชั่นเท่านั้น แต่ยังต้องพึ่งบทดีๆ จากคนเขียนบทที่เก่งๆ และนี่แหละคือหนังที่ดูสนุกที่สุดโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากของปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments