นับตั้งแต่หนังสัตว์ประหลาดเรื่อง Cloverfield (2008) ได้เข้าฉาย ทําให้ชื่อของผู้กํากับหน้าใหม่ มาแรงอย่าง เจเจ อับราห์ม เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และในปีต่อมาก็ได้กํากับภาพยนตร์สุดคลาสสิคอย่าง Star Trek จนได้รับกระแสดีและเสียงชื่นชมมากมายถึงฝีมือการกํากับที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็หันไปทําซีรีส์จนทําให้บรรดาคอหนังต่างคาดเดาต่างๆ นานา ว่าเขาจะกลับมากํากับเรื่องใดอีก แต่แล้วก็ได้เปิดเผยว่าเรื่องต่อไปคือ "Super 8"
ด้วยทีเซอร์ตัวแรกแทบจะไม่ได้บอกอะไรเลยนอกจากมีรถยนต์พุ่งชนรถไฟที่บรรทุกตัวอะไรก็ไม่รู้แล้วก็หลุดมา ทําให้เกิดคําถามว่าแล้วคําว่า "Super 8" ล่ะมันเกี่ยวอะไรด้วย
พอได้ชมหนังเรื่องนี้ก็ถึงบางอ้อ เพราะมันมีเนื้อเรื่องอยู่ว่า มีกลุ่มเด็กอยู่กลุ่มหนึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายหนังเพื่อส่งเข้าประกวดแต่แล้วทั้งหมดต้องไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อุบัติเหตุรถไฟของกองทัพอากาศที่ตกราง ทําให้สิ่งที่บรรทุกบนรถไฟหลุดออกมา
พูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะหนังเปิดเรื่องมาก็พยายามทําให้คนสงสัยอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ถนัดมากสําหรับผู้กํากับคนนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่อง Cloverfield ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้กํากับ แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวอะไรกําลังบุกโลกและใน Super 8 ก็เช่นกัน หนังสามารถทําให้ผู้ชมอยากรู้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ที่หลุดออกมา
อีกอย่างหนังเรื่องนี้ยังได้พ่อมดฮอลลีวู้ดอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก มาร่วมดูแล ยิ่งทําให้หนังเรื่องนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเมื่อมีเด็ก ความวุ่นวายของเมือง บวกกับสัตว์ประหลาด เชื่อเลยว่ามันเป็นการผสมผสานได้เป็นอย่างดีระหว่างคนสองคนที่มีสไตล์แตกต่างกัน เพราะในขณะที่ดูตั้งแต่แรกจนจบ ความรู้สึกแรกคือเป็นการนําหนังเรื่อง E.T. มาผสมกับหนังเรื่อง Cloverfield ชนิดที่เรียกว่าอย่างมีชั้นเชิง
ส่วนนักแสดงนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะผู้กํากับเลือกนักแสดงเด็กที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง เพราะมีความเชื่อว่าถ้าเลือกคนที่ไม่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก จะทําให้หนังมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
เอาเป็นว่า Super 8 ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทําให้ตัวผู้ชมรู้สึกลุ้นระทึกและประทับใจได้ในเรื่องเดียวกัน ดูเหมือนว่าฝีมือของ เจเจ อับราห์ม จะยิ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ชมมากขึ้น นั่นเพราะความสดของความคิดนี่แหละทําให้ผู้กํากับคนนี้มีอนาคตอีกไกล ♦