ในชีวิตการเป็นนักเรียนย่อมมีประสบการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และสิ่งหนึ่งที่เด็กนักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครองคาดหวังกันซะเป็นส่วนใหญ่คือ การปลูกฝังบทเรียนชีวิต พฤติกรรมที่ควรกระทำ และอื่น ๆ ที่ตัวเด็กสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ต่อไปในอนาคตได้ซึ่งนั่นจะเป็น ประโยชน์ต่อตัวเด็กอย่างมาก ทั้งนี้สิ่งต่าง ๆ ที่ควรจะสอนและปลูกฝังเด็ก ๆ นั้น ทางเว็บไซต์ positivityblog.com ได้ทำการรวบรวมเอาไว้ให้ได้รับรู้กันแล้ว มาดูกันว่าสิ่งที่ควรจะปลูกให้กับเด็ก ควรจะมีอะไรบ้าง
1. ใช้ชีวิตแบบ 80 / 20
การใช้ชีวิตแบบ 80 / 20 นี้คือการใช้ชีวิตในแบบพอดี ๆ กล่าวคือ หากชีวิตมีสัดส่วนเต็ม 100 % ในส่วนของ 80 % นั้น เป็นส่วนที่เด็กควรจะมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของการเรียนและกิจกรรมอื่น ๆ ขณะที่ 20 % ที่เหลือนั้นคือการใส่ใจและให้ความสำคัญกับตนเอง เพื่อให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
2. กฎของพาร์กินสัน (Parkinson’s Law)
โดยเนื้อหาใจความกฎของพาร์กินสัน คือกฎที่ว่าด้วยเรื่องของงานที่จะขยายเวลาออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงกำหนดเสร็จ หรือจะอธิบายได้สั้น ๆ และเข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเรื่องของการงาน การเรียน หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามปกติแล้วมนุษย์เรามักจะมีความชะล่าใจอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น มีกำหนดงานต้องส่งภายในอาทิตย์นี้ แต่กลับชะล่าใจจนต้องไปเร่งทำเอาในวันสุดท้าย
แต่พฤติกรรมแบบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ โดยควรที่จะปลูกฝังให้ตั้งแต่ยังเด็ก ให้เด็กรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ให้เด็กมีกระบวนการคิด และขั้นตอนในการทำแต่ละอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นระบบ ซึ่งหากเด็กทำได้ จะทำให้เขาโตไปในวันข้างหน้าและสามารถจัดการกับทุก ๆ เรื่องในชีวิตได้อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพมาก ๆ
3. มีระบบในการใช้ชีวิต
แน่นอนว่าการจัดสรรชีวิตให้มีระบบแบบแผน จะช่วยให้เด็กทำในสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำทุกอย่างแบบมีระบบและเตรียมความพร้อมที่ดี จะช่วยเขาจำแนกและตอบสนองกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
4. รู้จักการให้ โดยไม่หวังผลตอบแทน
การทำความดี ทำในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและส่วนรวม โดยไม่หวังผลตอบแทน ถือเป็นการให้ที่มาจากใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมากที่คนทุกคนพึงมี การปลูกฝังให้เด็กรู้จักการให้นี้ จะทำให้เด็กมีนิสัยที่ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ แถมยังทำให้เด็กมีจิตใจที่ดี เป็นมิตรกับทุก ๆ คนอีกด้วย
5. มีความกระตือรือร้น
การมีความกระตือรือร้นจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ เกิดการขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเมื่อเด็กทำได้จนเป็นนิสัย จะทำให้เด็กมีความรอบรู้ รู้ทันผู้คน และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความยุ่งยากวุ่นวายได้อย่างสบาย ๆ
6. เรียนรู้ในข้อผิดพลาดแล้วนำไปแก้ไข
เมื่อใดก็ตามที่เด็กทำความผิด นอกจากจะต้องว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ยังควรที่จะสอนให้เด็กรู้จักเรียนรู้ในความผิดนั้น ๆ และนำไปแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความผิดขึ้นอีก วิธีนี้จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และจะจำไว้ใช้เมื่อเขาเติบโตมากขึ้น
7. อย่าให้เด็กมั่นใจตัวเองมากเกินไป
การที่เด็กมีความมั่นใจในตัวเองถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก และกล้าเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ แต่หากเด็กมีมากจนเกินไป อาจจะทำให้กลายเป็นคนที่ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ค่อยฟังใคร ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อตัวเด็กอย่างมาก
8. สร้างความเป็นมิตรกับผู้อื่น
การให้เด็กได้พบปะกับเพื่อน ๆ หรือผู้คนมากมายถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก ทั้งนี้ทั้งนั้นการเจอผู้คนมากมายนี้ เด็กเองก็ควรที่จะมีความเป็นมิตรกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน เพราะนั่นถือเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของการมีมารยาททางสังคม อย่างหนึ่งอีกด้วย
9. เรียนรู้ข้อดีของตัวเอง
การได้รู้ข้อดีของตัวเอง จะมีประโยชน์อย่างมากในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต แถมยังสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
10. มีทัศนคติที่ดี
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากมีทัศนคติต่อสิ่งนั้น ๆ ในด้านที่ดีแล้ว ก็จะส่งผลดี ๆ ต่อชีวิตเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการกระทำ สภาพจิตใจ หรือความรู้สึกนึกคิด ที่จะเป็นไปในแง่บวกมากยิ่งขึ้น
11. มีความกตัญญู
ถือเป็นเรื่องที่ควรทำให้ติดเป็นนิสัยไปตลอดชีวิต เพราะความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี เป็นการตระหนักให้รู้ถึงบุญคุณของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพ่อแม่ด้วยแล้ว การมีความกตัญญูถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ
12. ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กมีความคิดแบบนั้น เพราะนั่นจะทำให้เด็กไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และจะทำให้เขาไม่กล้าที่จะแสดงออกซึ่งความรู้สึกของตัวเขา ให้ผู้อื่นได้รับรู้เลย
13. คิดมาก เป็นกังวล... ไม่ดี ๆ
เมื่อใดก็ตามที่เด็กรู้สึกกดดันกับเรื่องใดมาก ๆ เข้า ก็จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกกลัวและคิดไปต่าง ๆ นานา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริงเหมือนอย่างที่เขาคิดก็เป็นได้ ดังนั้นควรสอนให้เด็กรู้จักผ่อนคลาย หรือรู้จักปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ แทนการคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียวจะดียิ่งกว่า
14. อย่าเครียดมากเกินไป
คุณรู้หรือไม่ว่าเด็ก ๆ ก็เกิดความเครียดได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ เหมือนกัน ฉะนั้นแล้วคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด เมื่อใดที่เขาเงียบ ๆ ไป หรือสังเกตุได้ถึงความผิดปกติ ก็ควรที่จะพูดคุยกับเขา เพราะหากเครียดมากเกินไป อาจจะทำให้เขานึกตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิด ๆ ได้
15. ฝึกการเขียนไดอารี่
การฝึกเขียนไดอารี่เอาไว้ จะทำให้เด็กได้มองย้อนกลับหลังไปว่า ตัวเขาได้ทำอะไรมาบ้าง หรือมีเรื่องใดบ้างที่ตัวเขาควรจะนำมาปรับปรุงตัวเอง ซึ่งนั่นจะทำให้เด็กใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีแบบแผน และมีประสิทธิภาพ
16. มีโอกาสให้รีบไขว่คว้า
เด็กบางคนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป เช่นบางคนอาจจะเก่งในเรื่องการวาดภาพ บางคนเก่งเรื่องกีฬา บางคนเก่งเรื่องเรียน ฯลฯ ฉะนั้นแล้ว หากตัวเขาได้มีโอกาสได้ลองทำตามสิ่งที่เขาถนัดแล้ว ก็ควรส่งเสริม ผลักดัน ให้เขาคว้าโอกาสนั้น ๆ ไว้ เพราะโอกาสไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ
ทุกข้อที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังให้เด็ก ๆ มีนิสัยและพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะจะเป็นประโยชน์กับตัวเด็กอย่างมาก ดีไม่ดี อาจจะเป็นข้อดีต่อตัวของผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
ไม่อ่อนดัดง่าย ไม่แก่อย่าไปพูดถึงเลย