และแม้จะเพิ่งควงออกมาเปิดตัวให้เป็นที่รู้จักได้เพียงไม่นาน แต่ความรักที่มีให้กันระหว่างนักการเมืองรูปหล่อ “ม.ล.อภิมงคล โสณกุล” หรือเจ้าของฉายา “หล่อจิ๋ว” แห่งพรรคประชาธิปัตย์ กับพิธีกรสาวชื่อดัง “นาเดีย นิมิตรวานิช” หรือ “วิชิตา นิมิตรวานิช” ก็ได้มาถึงวันสุกงอมและถึงฤกษ์ดี เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 ทั้งคู่ก็ได้จูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โดยไม่พลาดที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความรู้สึกให้ฟังว่า...
ในฐานะเจ้าสาว
นาเดีย : “คือตอนแรกที่นั่งแต่งหน้าก็ยังไม่ได้ตื่นเต้นนะคะ รู้สึกว่าเหมือนทำงานวันนึงมากกว่า พอลงไปเจอกับแขกที่มาร่วมงานเมื่อเช้านี้ก็รู้สึกปลื้มใจที่เห็นแต่คนที่รัก ก็เลยทำให้รู้สึกได้ว่านี่มันงานแต่งงานเราจริงๆ”
ในฐานะเจ้าบ่าว
คุณภิ : “ก็ตื่นเต้นนะครับ เพราะความจริงตั้งใจตั้งนานแล้วว่าจะแต่งงานกันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม แต่พอมาถึงวันจริงก็ยังตื่นเต้นอยู่ครับ ความรู้สึกวันนี้ก็เหมือนกับเดียนะครับ ที่เห็น คุณพ่อ-คุณแม่ ญาติ มิตรสหายที่รักเรามาอยู่รวมกันเพื่อแสดงความยินดีกับเราในวันนี้ ก็รู้สึกดีใจครับ”
ความประทับใจที่มีต่อกัน ที่ทำให้ตกลงปลงใจแต่งงาน?
นาเดีย : “อย่างที่บอกว่าเดียรู้สึกว่าเขารักเดียนะคะ และที่สำคัญเขาก็ไม่ได้มีเมตตากับเดียแค่คนเดียว เขารักแม่และน้องของเดียด้วย อย่างที่เขาบอกว่าสองคนนี้ก็เป็นผู้มีอิทธิพลที่สุดในชีวิตเดีย หลายๆ ครั้งที่ผ่านมาถ้าเรารู้สึกว่าเขาไม่รักแม่และน้องเรา เราก็จะถอดใจ ซึ่งเขาเองก็เคารพแม่และรักน้องของเดีย ก็เลยรู้สึกว่าลงตัว”
คุณภิ : “ก็หลายอย่างครับ พูดตามตรงผมประทับใจในทุกสิ่งที่เขาเป็น ไม่ว่าจะเป็นความสวย อารมณ์ดี ที่สำคัญผมว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น จริงๆ แอบชอบเขามาตั้งแต่เด็กนะแต่ก็ไม่มีโอกาส แต่พอมาช่วงหลังๆ มีโอกาสได้เจอกันมากขึ้นด้วย และเดียเขาเป็นคนที่อยู่กับแม่กับน้องมาโดยตลอดนะครับ จึงเป็นครอบครัวที่สำคัญที่สุดของเดีย ดังนั้นถ้าได้แต่งงานกับเดียแล้วก็เหมือนได้แม่กับน้องสาวเพิ่มอีกคน ผมเองก็จะกลายเป็นคนแรกของครอบครัวนี้
ความจริงเรารู้จักกันมานานแล้วนะครับ ประมาณ 10 ปีได้ แล้วก็เจอกันประปรายบ้าง แต่ช่วงหลังเจอกันบ่อยขึ้น และช่วงที่ตกลงคบหาดูใจก็ได้อยู่ด้วยกันทุกวันทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเขา และหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในชีวิตและจังหวะชีวิตด้วยครับ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เพิ่งจะมาตัดสินใจแต่งงาน เพราะจริงๆ แล้วเราวางแพลนมาตลอดไม่ได้เพิ่งมาตัดสินใจแบบรวดเร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน ผมเตรียมแหวนเตรียมสถานที่เตรียมอะไรไว้เนิ่นนาน โดยตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผมเข้าไปคุยกับพ่อ-แม่ของคุณเดีย และในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมใกล้วันเกิดเขาผมก็ไปขอเขาอย่างเป็นทางการ”
สินสอดทองหมั้นมูลค่าเท่าไหร่ อะไรบ้าง?
นาเดีย : “มีแหวนเพชร แล้วก็เงิน ทอง จำนวนหนึ่งค่ะ”
ได้วางแพลนเรื่องการมีทายาทไว้ยังไงบ้าง?
คุณภิ : “ผมอยากได้คนเดียว แต่เดียเขาอยากได้ 3 คน ก็ไม่ได้เกี่ยงว่าจะต้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพศไหนก็ยินดีทั้งนั้น”
นาเดีย : “ปล่อยไปเลยตามธรรมชาติค่ะ เพราะรอบตัวเดียเพื่อนๆ มีลูกยากกันทุกคน เดี๋ยวนี้เดียรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และเดียเองก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์มาก แรกๆ ที่คบกันยังถามเขาตรงๆ เลยว่าเป็นหมันหรือเปล่า คืออย่าหาว่าเดียทะลึ่งเลย เพราะมันจำเป็น ถ้าเกิดว่าเป็นหมันก็คงต้องหยุดจริงๆ เพราะเดียอยากมีลูก”
วางแพลนฮันนีมูนไว้หรือยัง?
คุณภิ : “คงยังไม่ได้ไปครับ เพราะผมติดภารกิจทางการเมือง และเดียเองเขาก็ยังทำงานอยู่ ก็คงต้องเว้นไปสักพักนึงก่อน”
นาเดีย : “เดียอยากไปยุโรปแบบโรแมนติก บรรยากาศดีๆ แต่คุณภิบอกว่าไปบ่อยแล้ว เพราะเขาโตแถวนั้น เขาบอกว่าอยากไปอเมริกาบ้าง เดียก็เลยบอกว่าเดียไม่ได้ไปเรียนแถบนั้นด้วย เดียเรียนเมืองไทยก็เลยอยากไปยุโรป”
ความรู้สึกที่ได้เป็นภรรยานักการเมือง รู้สึกยังไงบ้าง?
นาเดีย : “ไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ อย่างที่บอก เดียรู้สึกว่าเดียกับคุณภิคบกันในแบบของเดียกับคุณภิ และคุณแม่เองก็บอกว่าอย่าเอาหน้าที่การงานเข้าบ้าน ก็ให้คบกันแบบนี้ ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นภรรยานักการเมืองหรือว่าอะไร เพราะว่าพูดจริงๆ มันก็ไม่แน่นอนเท่าที่เห็นมานะคะ แต่เดียมีหน้าที่สนับสนุนในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาจะทำไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะเชื่อว่าเขาคิดดีและเขาก็ทำในสิ่งที่ดีมีความมุ่งมั่น หน้าที่ของเราก็คือสนับสนุนไม่ว่าเขาจะทำอะไร บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจหรือพยายามเข้าใจแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาทำและมีความสุขเดียก็ต้องสนับสนุน ส่วนงานในวงการบันเทิงในฐานะนักแสดงและพิธีกรนั้นเดียก็ไม่คิดจะเลิกค่ะ ทำค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ชอบทำงาน และงานนี้เป็นงานที่รักด้วยค่ะ”
รู้สึกอย่างไรที่ต้องไปใช้ชีวิตคู่แล้ว?
นาเดีย : “เขาอยู่บ้านเขา แต่เดียก็เริ่มใจหายเหมือนกันว่าจะอยู่ยังไง คิดถึงแม่ไหม คิดถึงน้องไหม ก่อนหน้านี้แม่เดียก็ร้องไห้ แต่ก็คุยกับคุณภิว่าขอกลับบ้านไม่งั้นเดียเองก็คงอยู่ไม่ได้” ♦