สำหรับศึกน้ำลายระหว่างสาวเซ็กซี่ “ออย-ศรุตา เรืองวิริยะ” กับนางเอกสาวฮอต “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” เมื่อฟากนางเอกสาวได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ของตนเองด้วยข้อความ “อยากหน้าตาเหมือน ออย-ศรุตา” ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีข้อพิพาทกันกรณีสาวออยออกมาพูดว่าเคยรู้จักกับแฟนหนุ่มของนางเอกสาว “น็อต-วิศรุต รังษีสีงห์พิพัฒน์”
จนล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 54 ที่ผ่านมานางเอกสาวชมพู่ก็ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ บริษัท บลูริบบอน ปิ่นเกล้า ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ออกอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด...
“ก็เครียดค่ะ...เครียด ไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงนะ ขออนุญาตเท้าความก่อนก็แล้วกัน คือชมทราบเรื่องน่าจะพร้อมๆ กับที่สื่อทราบกัน คือเมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงๆ ค่ะ ก็ได้รับคำชี้แจงจาก ผจก.ว่ามีการโพสต์ข้อความโดยใช้แอคเคาต์ของชมตามที่เป็นข่าว
เอ่อ...คือมันเป็นเรื่องที่ชมก็ลำบากที่จะพูดนะคะ เพราะมันเหมือนเป็นการแก้ตัวที่ฟังยังไงก็ไม่ขึ้น แต่ก็ถือโอกาสชี้แจงก็แล้วกันค่ะ”
“ชมพู่” ได้มีการเล่นทวิตเตอร์เองรึเปล่า?
“ช่วงที่เล่นก็เล่นเอง ตัวผจก.ชมก็มีล็อกอินเพื่อที่จะทวิตหรืออัพโหลดรูปตอนที่ชมไปงานได้ นี่ก็คือที่มาที่ไปว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ทีนี้มันคงเป็นการละเล่นอะไรสักอย่างนึงของแก๊งในกลุ่มของเค้าที่ชอบแกล้ง เปลี่ยนสเตตัสกัน ไม่ว่าจะทางบีบี เฟซบุ๊ค คือในวันที่เกิดเหตุเนี่ยเค้าก็แกล้งกัน แล้วก็ไปโพสต์ในทวิตเตอร์ด้วย โดยใช้โทรศัพท์ของผจก.โดยที่เค้าไม่ทราบว่าล็อกอินอันนั้นคือล็อกอินของชม เท่าที่ชมทราบเหตุเกิดขึ้นช่วงใกล้สว่างแล้ว แล้วเหมือนเค้ามารู้ตัวอีกทีของสายๆ วันเสาร์เค้าก็ลบออก แต่ก็เข้าใจว่าคนฟอลโล่เราก็มีประมาณนึง แล้วพี่ๆ สื่อบางท่านก็ฟอลโล่แล้วก็ก๊อบปี้หน้านั้นไว้ได้ก็เลยเป็นที่มาที่ไปของเรื่อง ชมก็ค่อนข้างที่จะร้อนใจมาก คือพูดตรงๆ ว่ากวนใจ แล้วมันก็กระทบเวลาชมทำงาน ชมไม่มีสมาธิแล้วชมก็นอนไม่ได้ ชมก็เลยคิดว่าวันนี้อยากจะจัดการให้มันเรียบร้อย เลยขอโอกาสทุกคนเพื่อชี้แจง”
จุดประสงค์ของการออกมาพูดวันนี้?
“มี 2 อย่าง คืออยากจะแสดงความรับผิดชอบเท่าที่จะทำได้ค่ะ สำหรับบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงสำหรับคู่กรณีก็อยากจะฝากชี้แจงว่าไม่มีเจตนาและชมก็ไม่ได้ทำนะคะ คือด้วยความเคารพ ใครจะมีดุลพินิจยังไงก็แล้วแต่ ใครจะตัดสินชมยังไงก็แล้วแต่ ชมเคารพการตัดสินใจของทุกคน แต่ชมขอชี้แจงอย่างนี้ว่าชมไม่ได้ทำนะคะ ณ วันที่เราบอกว่าจบก็คือจบจริงๆ ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น
ในฐานะที่มันเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ของชมจริงๆ ก็ถือว่าชมสะเพร่าและเลินเล่อที่สามารถให้คนอื่นเข้าแอคเคาต์ของชมได้ ชมก็อยากจะขอโทษนะคะ เพราะชมก็เข้าใจว่าข้อความที่โพสต์ลงไปไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งก็คงกระทบจิตใจคนที่ถูกกล่าวถึงไม่มากก็น้อย ก็ยังยืนยันว่าอยากจะจบจริงๆ ไม่ได้อยากจะก่อกวนหรือว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ หรือว่าก่อเรื่องขึ้นมาอีก ก็อยากจะบอกประมาณนี้”
คิดจะโทรไปคุยกับทาง “ออย” รึเปล่า?
“อืม...จริงๆ ตอนแรกก็คิดนะคะ ก็มีปรึกษากับคนใกล้ชิด เมื่อวานพอตั้งหลักได้ก็ทวีตก่อนเลยว่าขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วก็ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นเรา ส่วนหลังจากนั้นชมก็คิดว่าขอโทษผ่านสื่อก็น่าจะสมศักดิ์ศรีค่ะ คือมันก็ต้องรับผิดชอบนะคะ เพราะมันเป็นแอคเคาต์ชมจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นโดยคนที่ชมก็รู้ว่าเป็นใคร เรารู้ที่มาที่ไปและชมก็มีคำอธิบายให้ทุกอย่าง ชมทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกความจริงทั้งหมด จะให้ชมอธิบายกี่ครั้งชมก็พูดตามนี้ค่ะ”
จะต้องเคลียร์กับเพื่อนในกลุ่มที่เป็นคนทวิตข้อความมั้ย?
“คือก็เป็นคนรู้จักค่ะ เป็นแก๊งเพื่อนกันทั้งนั้น เมื่อวานตอนเย็นเค้าก็โทรมาหาชม เค้าก็ขอโทษค่ะ แล้วเค้าก็ชี้แจงว่าเค้าได้พยายามทำอะไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่มันมีขึ้น คือพูดตรงๆ ชมก็ไม่พร้อมที่จะคุยมากเท่าไร คือชมเข้าใจและรู้ค่ะว่าไม่มีใครเจตนาอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะว่าคนที่ทำก็เป็นเพื่อนๆ คนที่เรารักทั้งนั้น ถ้าถามว่าชมโกรธไหม ชมยอมรับนะว่าชมโกรธค่ะ...พูดตรงๆ คือตอนนี้คนใกล้ตัวไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ชม”
ก่อนหน้านี้คู่กรณีได้ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังจะปรึกษาผู้ใหญ่เพื่อฟ้องร้อง?
“ชมก็อยู่ในจุดที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่แล้วค่ะ ก็...อย่างที่บอก ว่าเค้าก็มีความเป็นไปได้ที่เค้าจะทำอะไรก็ได้ คือชมซวยค่ะ ก็ต้องยอมรับความซวยในรูปแบบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับค่ะ แต่ชมก็ยืนยันตามนี้ว่ามันเป็นความบริสุทธิ์ใจ ชมสาบานได้เลยว่าทุกคำพูดเป็นความจริง ชมคิดว่าทั้ง 2 คน เราก็บอบช้ำมาทั้งคู่นะคะ แล้วจากใจจริงเลยชมก็ไม่อยากให้มันเกิดอะไรอย่างนี้ขึ้นเพราะมันไม่คุ้มเลย แต่ว่าชมทำใจยอมรับนะคะว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะมีฟีดแบ็คอะไรก็ตาม อาจจะมีหรือไม่มีก็แล้วแต่ ชมก็เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เค้าไม่จำเป็นต้องมาเข้าใจชมก็ได้นะ เพราะมันเป็นสถานการณ์ที่เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็ได้”
ทาง “น็อต” ว่าอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง?
“เค้าก็บอกให้หยุดพูดหยุดคิดได้แล้ว เพราะว่าคือเราต้องนอนเอาแรงแล้ว แต่คือชมจะเป็นแนวว่าถ้ายังไม่จบชมก็ปล่อยวางไม่ได้ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ชมยังทำใจไม่ได้ตอนนี้คือชมยังรับไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้น คือพาร์ตที่เป็นสมองมันบอกเราแล้วว่าเราต้องทำยังไง เราต้องออกมาพูดความจริง ต้องรับมือยังไง แต่ถ้าในด้านจิตใจชมยังรับไม่ได้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ซึ่งเค้าก็ถามชมค่ะว่าจะให้เค้าช่วยอะไรได้บ้าง ก็ไม่เป็นไร แค่เข้าใจเท่านั้นก็พอแล้วค่ะ เพราะเรื่องนี้ชมเชื่อว่าไม่มีใครจะมาช่วยชมแก้ไขอะไรได้” ♦