ในภาพยนตร์เรื่อง “เกรียน ฟิคชั่น” กับบทบาทของ “ทิพย์” สาวที่มักจะผิดหวังกับความรักอยู่ตลอดและเก็บบางอย่างเอาไว้ในใจ และมักจะทะเลาะกับ “ตี๋” รับบทโดย “เฟียต พัทธดนย์ จันทร์เงิน” ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแต่เจอหน้ากันทีไรต้องเกิดปัญหาขึ้นเสมอ ซึ่ง “กิ๊บซี่” จะต้องสื่อสารอารมณ์ให้คนดูค่อนข้างหนักในเรื่องนี้ แต่ก็ถือว่าสอบผ่านการแสดงอย่างฉลุย เพราะหลายคนชอบบทบาทการแสดงและการถ่ายทอดอารมณ์ของเธอที่สามารถส่งถึงคนดูได้อย่างดี
โดยเฉพาะฉากที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกระหว่างทิพย์กับตี๋ได้อย่างลึกซึ้งบนขบวนรถไฟ เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนจากการทะเลาะมาเป็นรอยยิ้มให้แก่กัน และเริ่มค้นพบความหมายของความสุขอย่างแท้จริง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ขบวนรถไฟ และอุโมงค์ขุนตาล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เบื้องหน้านั้น ภาพ แสง สี สถานที่ สวยและเป๊ะมาก แต่เบื้องหลังฉากนี้มันช่างแสนทรมาน ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟเป็นเวลายาวนานถึง 15 ชั่วโมง ซึ่งสาวกิ๊บซี่บอกว่าเป็นฉากที่เธอเองประทับใจมากเป็นพิเศษ และก็เป็นการถ่ายทำที่ต้องอาศัยความอึดเป็นพิเศษเช่นกัน โดยเล่าถึงฉากนี้ว่า
“เป็นหนังวัยรุ่นนะ แต่เราถ่ายทำกันอย่างกับหนังชีวิตเลย กินข้าว นอน ทำงาน บนรถไฟ โหดมากกับฉากนี้ ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดาด้วยนะ ทั้งนักแสดงและทีมงานก็เต็มที่กับฉากนี้มาก เพื่ออยากให้ภาพมันออกมาสวย โดยเฉพาะตอนที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านช่องอุโมงค์ขุนตาลมันมืดมาก (555) แต่เมื่อเราเริ่มเห็นแสงสว่างมันจะค่อยๆ สวยขึ้น เปรียบเหมือนชีวิตคนที่เริ่มเห็นทางสว่าง (ยิ้ม) แต่ถึงจะทรหดก็ยังเป็นฉากที่ประทับใจของกิ๊บด้วย ชอบการแสดงอารมณ์ระหว่างทิพย์กับตี๋ มีบทสนทนาระหว่างกัน มันเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ดูออกจะดราม่านะแต่กิ๊บเชื่อว่าคนดูดูแล้วจะยิ้มได้กับฉากนี้ค่ะ สำหรับฉากนี้เรานั่งรถไฟจากเชียงใหม่แล้วก็ถ่ายไปเรื่อยๆ จนถึงนครสวรรค์ 15 ชม. สนุกมากแต่ลำบากด้วย เพราะรถไฟมันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะลำบากนิดนึง”
และนับว่าเป็นครั้งแรกที่ “กิ๊บซี่” ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับฯ “มะเดี่ยว” แม้จะไม่เคยเจอกันหรือคุยกันมาก่อน แต่เมื่อทางทีมงานติดต่อให้ไปเล่นหนัง “เกรียน ฟิคชั่น” เธอก็ไม่ลังเลรีบตอบรับแบบทันทีทันใด ส่วนตัวแล้วชอบผลงานการกำกับตั้งแต่เรื่อง รักแห่งสยาม หรือจะเรื่อง โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ โดย “กิ๊บซี่” เล่าถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ พร้อมทั้งพูดถึงความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“รู้สึกดีใจที่ได้มาทำงานร่วมกับพี่มะเดี่ยว กิ๊บเชื่อว่าผลงานที่ผ่านๆ มาของพี่มะเดี่ยวพิสูจน์แล้วว่าเป็นงานคุณภาพ แล้วตัวเขาเองก็เป็นผู้กำกับคุณภาพ เราก็คิดว่าถ้าได้มีโอกาสร่วมงานกับเขามันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว พอได้รับการติดต่อมาก็ไม่ลังเลเลย เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะพี่มะเดี่ยวด้วย เวลาทำงานกับพี่เขามันไม่กดดันเรา เป็นการทำงานกันแบบสบายๆ แต่เป็นความสบายที่ละเอียด เขาจะใส่ความในใจหลายๆ อย่างในตัวเขาลงไปในหนังด้วย ประทับใจที่ได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวค่ะ (ยิ้ม)
ความน่าสนใจของเรื่องนี้อาจทำให้เรารำลึกถึงวัยเด็กวัยเกรียนของเรา โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กๆ วัยรุ่นผู้ชาย เรื่องของแก๊งเพื่อน มันมีอะไรหลายอย่างที่มันเกรียนจริงๆ ทุกคนอย่างน้อยก่อนโตเป็นผู้ใหญ่ต้องผ่านชีวิตเหล่านี้มา วัยที่เราทำอะไรแล้วมีความคิดแบบนั้น จังหวะนั้น วัยนั้น มันรู้สึกสนุกสนาน บางทีเราก็เห็นเด็กๆ ถ่ายทอดออกมาแล้วเราก็สนุกตามไปด้วย หนังเรื่องนี้มีหลากหลายมุม อย่างเรื่องของดราม่า เรื่องของครอบครัว ความสัมพันธ์ในหลายๆ อย่าง มันก็จะมีการสะท้อนสังคมพอสมควร เรื่องของครอบครัว ทำไมเด็กถึงเป็นแบบนี้ เด็กไปทำอะไรมา มันเป็นภาพยนตร์ที่แฝงแง่คิดอยู่ตลอด เป็นทั้งแนวดราม่าคอมเมดี้ด้วย ยังไงก็ขอฝากติดตามผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของกิ๊บด้วยนะคะ” ♦