อยู่ที่ไหน.. ก็มีปัญหา? ฟังคำตอบจาก ‘ดีเจเจ๊แหม่ม’
หากมองชีวิตของพิธีกรและนักจัดรายการชื่อดัง “ดีเจเจ๊แหม่ม” หรือ “วินัย สุขแสวง” คงไม่ต่างอะไรกับเรียลลิตี้โชว์ “นักล่าฝัน” ที่มีความฝันอยู่ในใจ ตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ และพยายามขวนขวายหาทางสร้างฝันให้เป็นจริงให้ได้ด้วยมือของตนเองเมื่อมีโอกาสเข้ามาหา โดยไม่เกี่ยงว่าจะต้องลำบากยากเข็ญเพียงใด ขอแค่ให้ได้เรียนรู้ ได้ทำ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครเป็นพอ
เจ๊แหม่ม ได้เล่าให้ฟังถึงก้าวแรกของการไต่ระดับความฝันของตัวเองให้ฟังว่า เด็กๆ มีความฝันอยากทำรายการโทรทัศน์ โดยเริ่มต้นทำความฝันของตัวเองด้วยการเขียนจดหมายไปสมัครรายการเกมโชว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการนาทีทอง ประตูดวง หัวใจ สีแดง นางฟ้า คนเด่นคนดัง พระจันทร์ยิ้ม เสาร์สโมสร ตั้งแต่ ม.3 แม้ในใจจะคิดว่า เขาคงไม่เลือกเราหรอก แต่ก็แอบดีใจเมื่อเขาเลือกเข้าไปร่วมรายการ นอกจากนี้ เจ๊แหม่ม ยังบอกอีกว่า เขารู้ว่าเขียนจดหมายแบบไหนถึงจะได้ เลือกออกรายการ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่องอยู่ในหัวเสมอคือ ไม่โกหก เพราะเป็นคนความ จำไม่ดี เวลาพูดจะพูดจริงและตรง
เส้นทางการสานฝันของ เจ๊แหม่ม ไม่หยุดอยู่เพียงแค่การออกรายการ เกมโชว์เพียงเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสได้เล่นละคร และเรียนรู้การเป็นนักจัด รายการวิทยุจากดีเจชื่อดังของเมืองไทยในยุคนั้น อย่าง “เปิ้ล-หัทยา” ทำให้ เจ๊แหม่ม จดจำจนถึงวันนี้ และตั้งปณิธานไว้ว่า หากมีโอกาส จะขอหยิบยื่นให้คนอื่น เช่นเดียวกับที่ตนเคยได้รับมา “ชีวิตโชคดีมาก ทุกวันนี้ความสุข ไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่ความสุขคือโอกาสที่ได้มาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีโอกาสและสามารถต่อ ยอดให้กับคนอื่นได้ เราต้องทำให้เขา เหมือนเมื่อตอนเด็ก ถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนี้ แล้วใครจะมาหยิบยื่นโอกาสที่ดีพาเราเข้าไป ไม่มี ทุกวันนี้ จึงช่วยคนทุกคนหมด พาเข้าไปได้ แต่โอกาสจะไปถึงหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเขา ต้องไปพิสูจน์ตัวเองแล้ว”
ด้วยประสบการณ์สั่งสมอย่างต่อเนื่องทั้งด้านโทรทัศน์และวิทยุกว่า 8 ปี ทำให้ เจ๊แหม่ม สามารถเข้าไปนั่งแท่นเป็นนักจัดรายการประจำคลื่นน้องใหม่ที่มาแรงในยุคนั้นอย่าง Hot Wave ได้สำเร็จ และถือเป็นดีเจรุ่นใหม่คนแรกประจำคลื่น แม้จะถูกจัดให้เป็นนักจัดรายการประจำคลื่นดัง แต่ด้วยความเป็นเด็ก ทำให้ในช่วงแรกชื่อของ วินัย สุขแสวง ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะดีเจประจำคลื่นร้อน Hot Wave แต่ด้วยคำว่า “โอกาส” ที่มีจากผู้ใหญ่ และเก็บไว้ไม่ให้หลุดมือ ทำให้วันนี้ชื่อของ วินัย สุขแสวง และดีเจเจ๊แหม่ม อยู่ในตำนานนักจัดรายการวิทยุระดับแถวหน้าจนถึงปัจจุบัน
“เริ่มฝึกงานและใกล้จบ จึงปรึกษาพี่เปิ้ล แล้วสมัยนั้นจะไปสู้กับพี่เปิ้ล พี่วินิจ พี่โจ มณฑาณี ไม่ได้หรอก จึงไปสมัครกับ A-Time ซึ่งเป็นบริษัทน้องใหม่ของคลื่นวิทยุที่กำลังมาแรง พอไปสมัครเสร็จ ด้วยประสบการณ์จากการลงเสียงสารคดี ช่อง 11 การทำละครวิทยุเกศทิพย์ เขาก็รับเลย เราโชคดีกว่าคนอื่นที่เราเก็บโอกาสที่เข้ามาไม่ปล่อยเพราะไม่มีใครได้โอกาสที่ดีแบบเรา อย่าหลุดให้ถึงคนอื่น เพราะฉะนั้นต้องอยู่ที่เราก่อน รายการแรกคือ รายการ Hot Wave คลื่นปราบเซียนและดังที่สุดในขณะนั้น เป็นดีเจรุ่นใหม่คนแรกของคลื่น ร่วมกับพี่จุ๋ม นพพร พี่แต้ว ลาวัลย์ เกษม พุทธเรืองศรี พี่เต็ด ยุทธนา พี่เอก ธเนศ ในยุคนั้นจัดคนเดียว 3-4 คลื่นคนเดียว ซึ่งในฐานะเด็กใหม่ เขาเลยยังไม่ปล่อยให้ลงเป็นดีเจ จับให้ไปอ่านข่าวก่อน แจมกับดีเจทุกครึ่งชั่วโมง แต่ พี่ดี้ กับพี่เอก เห็นหน่วยก้านดี ก็ทำเทปอยู่ 10 ม้วน เขาก็ให้เรานั่งจัดรายการตั้งแต่นั่นเรื่อยมา”
20 ปีของการทำงานเป็นนักจัดรายการวิทยุภายใต้ชายคา A-Time ชื่อของ “วินัย สุขแสวง” แม้จะไม่ดังมาก แต่คุ้นหูคนฟังวิทยุอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เคยจัดรายการวิทยุมากที่สุดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม เรียกได้ว่า กลับบ้านไม่อยากจะพูดกับใคร นั่งนิ่ง จนครอบครัวคิดว่า ผิดปกติ เขาว่า ไม่มีทางเดินใดจะโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือพรมแดง ทุกทางเดินย่อมมีอุปสรรคขวากหนามมากมายให้ได้ก้าวผ่าน เช่นเดียวกับเส้นทางของ เจ๊แหม่ม แม้จะได้หยิบฝันในวัยเยาว์ได้สำเร็จ ได้ทำงานในอาชีพที่รัก แต่ย่อมต้องมีอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบให้ต้องก้าวผ่านเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เจ๊แหม่ม ได้ย้อนเล่าให้ฟังถึงบททดสอบบทแรกของชีวิตบนเส้นทางความฝันว่า “เพราะคำว่าอาชีพในฝัน อาชีพที่รัก ทำให้ทนมาถึง 20 ปี
เคยหมดความอดทนเมื่อเข้าสู่ปีที่ 10 ซึ่งเริ่มมีเศษหินเข้ามากระทบ เราเห็นอะไรที่ชัดเจนขึ้น เช่น ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาคของการทำงานในหลายๆ อย่าง ณ วันนั้นเราไม่เข้าใจว่า ในความเป็นจริงของโลกก็เป็นแบบนี้แหละ ตลอดระยะเวลาการทำงาน ไม่เคยโดนเจ้านาย ด่าเลย กล้าพูด สาย 4 ไม่เคยโดน แต่เวลาด่า เขาด่ารวมหมด และจะเสียเซลฟ์ ทำให้ เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือเวลาเจ้านายเขียนโน้ตมาแปะที่คลื่นเขาหมายถึงใคร เราเข้าใจเจ้านาย ณ วันนี้ว่าที่เขาหมายถึงคือการด่าภาพรวม ไม่ได้เจาะไปที่ใคร ความสุขเริ่มหาย ความเหมาะสม เป็นอีกหนึ่งคำที่กระทบ เวลาเราทำงาน ทำให้เกินร้อย และไม่ได้หวังอะไรกลับมา แต่เมื่อหวังว่าจะมีอะไรกลับมา กลับเป็นความแห้งแล้งที่ไม่เคยได้เลย” แม้จะปรับความคิดใหม่ และก้มหน้าทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จนชื่อ “ดีเจเจ๊แหม่ม” ถือกำเนิดขึ้นมาจนโด่งดัง และกลืนกินชื่อของ “วินัย สุขแสวง” หายไปในทันที
แต่ยังคงมีมะเร็งอารมณ์แทรกเข้ามาในชีวิตอยู่ตลอด และความโด่งดังของความเป็น เจ๊แหม่ม นั่งเอง กลายเป็นชนวนให้เจ้าตัวประกาศยุติบทบาทการเป็นดีเจ ภายใต้ชายคา A-Time ลงด้วย “เจ๊แหม่ม เกิดจากการเล่นมุขกับเพื่อนผู้ประกาศข่าว สุทธินาถ ทองชื่น ทำให้เขาและเราดังไปพร้อมกัน ลูกค้าสปอนเซอร์ลงเต็มหมด แต่ยัง คงมีมะเร็งในอารมณ์เกิดขึ้นมาโดยตลอด และประโยคจากคำพูดของเออีที่ว่า ลูกค้าไม่ลงช่วงอื่นและขายไม่ได้ นั่นเป็นเพราะดีเจหรือช่วงเวลา ทำให้ทัศนคติที่มีต่อองค์กรของเราเปลี่ยนทันที ที่ผ่านมา เขาไม่มองความสามารถ จากจุดนั้น เราก็เริ่มคิดหาทางไปพร้อมชื่อ เจ๊แหม่ม” การประกาศลาออกครั้งนั้น ดีเจเจ๊แหม่ม ได้รับความสนใจจากสื่อเป็นอย่างมาก และตามติดตามด้วยคำเชิญร่วมงานจากบริษัทสื่อบันเทิงใหญ่ๆ หลายแห่ง แต่สุดท้าย ปัญหาเดิมๆ ก็ยังคงกลับมาให้ได้ทดสอบกันอีกครั้ง
“ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดว่า ตัวเองเป็นคนดัง หลังจากออกจาก A-Time ทางดาราเดลี่ เป็นที่แรกที่ชวนมาทำ ตอนนั้นทำรายการกับป้ามอ (มอริส เค) แค่ 2-3 เดือน ทางอาร์เอสฯ ก็เรียกเข้าไปทำ เพราะเห็นเราจากรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ซึ่งทั้งรายการ ทางช่องสตาร์แม็กซ์และอมรินทร์ทีวี เป็นงานที่เราฝันตั้งแต่เด็ก มันเป็นกำลังใจ และทำให้เราอยู่ได้ ภูมิใจว่า มีคนเห็นคุณค่า แต่ก็ไม่วายมีปัญหาอีก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาเดิม แต่เป็นปัญหาใหม่ ซึ่งเกิดจากคนประสานงาน เราเข้าใจว่า ในการทำงานเราจะเจอกับปัญหาการคุย การประสานงานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ประมาณ 4-5 เดือน เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ พูดกับตัวเองว่า เป็น งานที่เพิ่งเริ่มต้น และเราเป็นตัวหลัก ก็ได้แต่คิดว่า ทนไปก่อน ทนหน่อย ก็ทำไปอย่างมีความสุข
จนกระทั่งเริ่มเห็นปัญหาเยอะขึ้น และไม่มีใครทำอะไร จนเกิดความรู้สึกเดียวกับตอนทำงานที่ A-Time นั่นคือ ไม่มีความสุขกับการทำงาน” หากย้อนดูเส้นทางในวงการวิทยุและโทรทัศน์ที่ผ่านมาของ เจ๊แหม่ม แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาการทำงาน ซึ่งบั่นทอนจิตใจและอารมณ์เป็นอย่างหนัก แต่เขากลับได้รับโอกาสครั้งใหม่ และดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่กว่าในอดีต เสียด้วยซ้ำ “หลังจากมีข่าว ทาง ไนน์เอนเตอร์เทน เรียกเข้าไปคุย ซึ่งเขาก็เข้าใจว่า เราไม่ใช่คนแบบนั้น เขาก็ดึงเข้าไปทำรายการ “ตกมันส์บันเทิง” การทำงานมีปัญหาหมด กับทางอาร์เอสฯ ถ้าเมื่อไหร่มีรายการให้ทำ ก็พร้อมจะกลับไป ทำ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ทำ พร้อมกับรอโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต
สำหรับตารางชีวิตตอนนี้เรียกได้ว่าทำงานเต็ม 7 วัน เริ่มตั้งแต่รายการสดทางช่อง 9 รายการตกมันส์บันเทิง ต่อด้วยรายการ 5 เช้าข่าวใหญ่ และจัดรายการวิทยุคลื่น 103 Like FM มีรายการของทางอมรินทร์เป็นรายการ ทอล์คโชว์คล้ายตามไปดู ชื่อรายการว่า “เรื่องจริง impossible” แล้วก็กำลังคุยกับ STG ไปทำรายการ HD ให้กับ ช่องดิจิตอลทีวี ช่อง 9 รายการใหม่ เป็นรายการสด ช่วง 4 โมงเย็น ออกช่อง HD และช่อง 5 รายการคุยยกบ้าน ออกอากาศวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น. เริ่มถ่าย ก.พ.” วันนี้ เจ๊แหม่ม มองว่า ความฝันของตัวเองในการเป็นดีเจสำเร็จไปแล้ว ต่อจากนี้ ขอเดินก้าวไปสู่การทำฝันในวงการทีวีให้สำเร็จ โดยตั้งเป้าอยากขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์พิธีกรอันดับ 1 ของประเทศ
รวมถึง อยากมีรายการวาไรตี้เป็น ของตนเอง และที่สำคัญ ขอมอบโอกาสให้กับผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ตัวเองได้รับมา “แม้จะงานเยอะ แต่มีความสุขมาก เพราะคิดอยู่เสมอว่า ทำงานเหมือนไปเที่ยว จัดเสื้อผ้าเหมือนไปหัวหิน วังน้ำเขียว ฝันอยากออกรายการทีวี ไม่ใช่อยากดัง แต่อยากออกเพราะอยากยืนตรงนี้ อยากทำรายการให้ดี อยากให้ คนทำงานเขาทำงานง่าย เป็นการกำลังใจแบบหนึ่งที่เอาไปต่อยอดแบบอื่นได้ เพราะเขาเห็นเราทำงานแบบมืออาชีพ วิทยุไปถึงฝันแล้ว ทีวีกำลังก้าวไปสู่ฝัน ส่วนเงินจะเยอะหรือจะน้อยไม่สนใจ เพราะคิดว่าทุกโอกาสทำให้เก่งขึ้น คือตั้งแต่วันแรกจนช่วงสุดท้าย เราทั้งถูกเติมเต็มและเติมให้คนอื่น ให้โอกาสกับคนที่เข้ามาหาทั้งบังเอิญหรือตั้งใจ ดันเขาไปทำในสิ่งที่เขามีความสามารถจากคอนเนคชั่นที่มี เพราะเรารู้จักคนทำงานเก่งๆ ที่เหลือเป็นความสามารถ ของเขา แค่อยากให้โอกาสคนเพราะเราไม่เคยได้โอกาสจากใคร ซึ่งนั่นตอบโจทย์ว่า ชีวิตไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้อะไร แต่คิดว่าเราได้ทำอะไร พอแล้ว”
เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ดีเจเจ๊แหม่ม ในยุค 2557 คือ อีกหนึ่งคนทำงานของวงการบันเทิงที่ได้รับการยอมรับจากคนมากมายในฐานะคนทำงานมืออาชีพ เพราะกาลเวลาและผลงานที่ผ่านมาถือเป็นเครื่องพิสูจน์และยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เนื้อแท้ของคนที่ชื่อ “ดีเจเจ๊แหม่ม” เป็นอย่างไร
อยู่ที่ไหน.. ก็มีปัญหา? ฟังคำตอบจาก ‘ดีเจเจ๊แหม่ม’
