กรุณาฟังให้จบ ‘แช่ม แช่มรัมย์’ นักร้องเศรษฐี
ห่างหายจากวงการเพลงนานกว่า 2 ปี สำหรับ “แช่ม แช่มรัมย์” หลังจากฝากผลงานเพลงในอัลบั้มสุดท้ายอัลบั้มที่ 8 และมีเพลงโด่งดังที่สุดตามชื่ออัลบั้มนั่นคือ “กรุณาฟังให้จบ” โดยมีท่อนฮิตติดหูกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนยอดวิวใน YouTube ทะลุเข้าไปกว่า 30 ล้านวิว แถมยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการลูกทุ่งไทย ด้วยเนื้อหา ทำนองการร้อง โดนใจ เข้าถึงได้ง่าย แม้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดงร้องตามกันระงม
รวมถึงคลิป cover เพลงนี้ใน YouTube ก็เต็มไปหมด การเปลี่ยนแปลงจากแนวเพลงที่ถนัดของแช่ม ที่เป็นแนวเพลงเพื่อชีวิต มาเป็นเพลงลูกทุ่งแนวใหม่ เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนได้ถูกทาง เพราะไม่เพียงแต่เพลงจะฮิตติดชาร์ตกวาดทั้งรางวัลและคะแนนนิยมจากคนฟังแล้ว ทุกวันนี้ แช่ม ยังคงมีคิวเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต เพราะเพลงนี้ยาวจนถึงปีหน้า นับตั้งแต่เพลงดังในปี 2554 เป็นต้นมา “เราก็ไม่คิดว่าการตอบรับหรือคนติดตามใน YouTube จะมีผลมากขนาดนี้ เราก็เลยได้กลุ่มนี้เข้ามาเป็นแฟนคลับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่ จนเพลงของเราทะลุ 30 ล้านวิวเป็นเพลงแรกของประทศไทย หลังจากนั้นก็คือเพลงของหญิงลี “กรุณาฟังให้จบ” ถือว่าเป็นเพลงดังมาก
ผมทัวร์คอนเสิร์ต 3 ปีเต็มๆ ช่วงที่ห่างหายไป ผมก็เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตอย่างเดียวเลยครับ ถ้า 2 ปี 700 วัน ผมรับงานมากกว่า 500 วัน ร้องเพลงนี้ไม่รู้กี่หมื่นเที่ยวแล้ว และแทบไม่ได้ไปต่างประเทศเลย เมื่อก่อนยังได้ไปต่างประเทศบ้าง” แช่ม ไต่ระดับขึ้นมาเป็นศิลปินระดับแถวหน้าของวงการเพลงทีละก้าว โดยเพลง “หัวใจมักง่าย” ถือเป็นเพลงสร้างชื่อให้กับเขาในช่วงแรกของการเข้าสู่วงการ และมาดังเป็นพลุแตกอีกครั้งจากเพลง “กรุณาฟังให้จบ” ล่าสุด แช่ม กลับมาใหม่อีกครั้งด้วยผลงานเพลงอัลบั้มที่ 9 พร้อมปล่อยซิงเกิ้ลเพลง “มั่นใจนะว่ายังโสด” ออกมาให้ฟังกัน ซึ่งลึกๆ ในใจเขา คาดหวังว่า เพลงนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเพลงที่ผ่านมา และถือเป็นอีกหนึ่งตัววัดความสามารถของตัวเองด้วยในขณะเดียวกัน
“จากจุดเริ่มต้นของคนเพิ่งเป็นศิลปินและยังไม่มีชื่อเสียง หัวใจมักง่าย ถือว่าเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตเรา และถือเป็นเพลงแจ้งเกิดของเราด้วย ทุกคนรู้จัก แช่ม แช่มรัมย์ จากเพลงนี้ในตอนนั้น หลังจากนั้นก็มีเพลงต่อเนื่องมา แต่ว่ามาดังเป็นพลุแตกก็เพลงกรุณาฟังให้จบ คือสื่อเปลี่ยนไป คนบริโภคเปลี่ยนไป วงการเพลงบ้านเราเปลี่ยนไป ศิลปินเยอะขึ้น แต่ว่าเพลงเราเป็นเพลงที่มีความโดดเด่นอยู่ในยุคที่มีเพลงเป็นหมื่นเพลง การทำงานในชุดนี้ ผมทำการบ้านมาหนักพอสมควร เราจะเล่าเพลงเกี่ยวกับอะไร อย่างไรถึงจะชนะ คำว่า ‘ชนะ’ คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่ายากเหมือนกัน คือการตอบรับที่มีคนติดตามถึง 30 ล้านคน ถือว่ายาก แต่ทีนี้การทำงานในแต่ละอัลบั้มจนมาถึงกรุณาฟังให้จบ มันเหมือนการไม่หยุดนิ่งของตัวเอง แต่เป็นการเปิดประตูเปิดหน้าต่างให้กับตัวเองอีกบานหนึ่ง ฉะนั้น การเปิดประตูบานที่ 9 ผมไม่ได้ต้องการที่จะชนะ แต่ต้องการให้เห็นถึงความสามารถในอีกแบบ ไม่ใช่แค่จิ๊กโก๋อกหักเหมือนหัวใจมักง่าย แต่มีความร่วมสมัย เอาความเป็นปัจจุบันมาประยุกต์และพัฒนาเข้าใช้
เพราะฉะนั้น ไม่ได้มีความคาดหวังในเรื่องของเอาชนะกรุณาฟังให้จบ แต่อยากแค่ว่าเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ว่าอยากจะให้คนช่วยติดตามเหมือนกรุณาฟังให้จบ อาจจะได้ไม่เยอะเท่า แต่ว่าก็อยากให้เยอะที่สุด” ทุกวันนี้ แช่ม มองว่าวงการเพลงลูกทุ่งมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง และการเดินเข้าสู่เส้นทางนักร้องไม่ใช่เรื่องยากลำบากจากแต่ก่อน หากแต่เป็นห่วงนักร้องรุ่นน้องปัจจุบันที่ถูกฉาบแต่งด้วยความไม่เหมาะสมในเรื่องของเครื่องแต่งกายจนลืมวัฒนธรรมไทย “ทุกวันนี้การทำเพลงเป็นเรื่องง่าย เพราะบ้านใครก็สามารถมีห้องอัดอาจจะลงทุนกันน้อย ทำเป็นซีดี เป็นห้องอัดเล็กๆ สื่อก็มีทั่วไป วิทยุชุมชนบ้างอะไรบ้าง การแข่งขันหรือการเป็นศิลปินหน้าใหม่จากรายการประกวดร้องเพลงมีอยู่มากมาย อีกทั้ง ผู้บริโภคเปลี่ยนวิธีการเสพ อยู่ในสังคมออนไลน์มากขึ้น ฟังเพลงเยอะขึ้นทำให้ภาษาการพูดเรื่องราวดนตรีพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย แม้ว่าแก่นของความเป็นลูกทุ่งจะเป็นภาษาและก็วิธีการร้องตามแบบลูกทุ่งอยู่เหมือนเดิมก็ตาม เพราะฉะนั้น วงการเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตมันไม่มีทางที่จะหยุดนิ่ง
สำหรับศิลปินรุ่นใหม่ในปัจจุบัน แต่ละคนต่างก็มีสีสัน มีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละศิลปิน แต่ฝากไว้ในเรื่องของการแต่งตัว คือในวงการของเพลงไม่ว่าจะแนวไหน เราเป็นห่วงในเรื่องของวัฒนธรรมความสวยงาม คืออย่าเอาความฉาบฉวยของการแต่งกายดูวับๆแวมๆ มาเป็นจุดขายเกินกว่าความมีเนื้อหาสาระความเก่งในความเป็นศิลปิน เนื้อเสียง วิธีการร้อง ภาษา เนื้อเรื่อง ต้องเป็นแก่นให้เราดูแข็งแรง อย่ามีจุดมุ่งเน้นในเรื่องของการแต่งกาย นี่คือสิ่งที่เป็นห่วงในเรื่องของการพัฒนา”
แช่ม แช่มรัมย์ ไม่ใช่ประสบความสำเร็จแค่ในชีวิตวงการบันเทิงเพียงแค่นั้น แต่มุมมองด้านการต่อยอดธุรกิจเพื่อการลงทุนสำหรับอนาคตของผู้ชายคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน โดยเขาบอกจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้เขาเริ่มวางแผนเพื่อความมั่นคงของชีวิตคือ “ครอบครัว” ทุกวันนี้ เขามีสวนยางกว่า 100 ไร่ มีโรงงานยางซื้อ-ขาย ซึ่งมาจากการวางรากฐานของผู้เป็นพ่อ ธุรกิจร้านอาหาร “สภาดิน” ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่มาจากการลงขันร่วมกับเพื่อนศิลปินในวงการอย่าง ไท ธนาวุฒ และสามารถ พยัคฆ์อรุณ และการลงทุนเปิดอพาร์ทเมนท์ให้เช่าถึง 90 ห้อง ซอยแจ่มจันทร์ และยังไม่นับรวมทรัพย์สินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง ซึ่งเก็บหอมรอมริบมาตลอด 15 ปีในวงการบันเทิง
“ผมมาตั้งหลักตอนมีชีวิตครอบครัว หลายคนเวลามาเจอบอกว่า แช่ม เปลี่ยนไป เพราะเรามีคู่คิดที่ช่วยคิดช่วยเก็บ ทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิต อย่างสวนยางหลังจากผมออกมาจากบ้านที่โคราช พ่อผมวางรากฐานด้านเกษตรเอาไว้ให้ผมทั้งที่ผมไม่รู้เลย ทุกวันนี้เราได้ผลผลิตมาจากทุกอย่างที่เราวางแผนไว้ ถ้ามีเป้าหมาย ผมเชื่อว่าทุกคนต้องทำได้ อาชีพของนักร้องอาจจะเป็นอาชีพที่มีรายได้ที่ดี แต่ก็มาจากความมานะและความขยันของตัวเอง ผมก็ต้องเหนื่อยในการอดหลับอดนอน ทุกอย่างต้องเจ็บเพื่อเป้าหมายและความฝัน ซึ่งต้องใช้เวลาความอดทน
ผมเชื่อว่า ถ้าใครมีฝันไว้ในใจต้องมีความมานะ สติ และการใช้ชีวิตที่พอเพียง อีกอย่าง ผมไม่รู้ว่าเราจะยืนอยู่จุดนี้ได้อีกนานเท่าไหร่ ความสำเร็จจะมีต่อไปหรือไม่ ทำให้ทุกก้าวต้องก้าวด้วยความระวัง ใช้ชีวิตและใช้จ่ายด้วยความระวัง ดังนั้น ผมคิดว่าธุรกิจอพาร์ทเมนท์กับร้านอาหาร ณ จุดนี้ มีความสำเร็จ ดังนั้น ขอประคองและไม่ลงทุนอะไรเกินตัวตามเสียงคนอื่น เพราะมีคนที่หมดไปกับตรงนี้เยอะ ละลายเงินไปกับหุ้นธุรกิจต่างๆ เยอะ
เพราะฉะนั้น ผมไม่แชร์หุ้นแบบนั้น” สิ่งหนึ่งที่มองเห็นจาก แช่ม แช่มรัมย์ คือ ความมานะพยายามไปให้ถึงจุดแห่งความฝัน เพราะไม่ว่าจะเป็นนักร้อง การมีร้านอาหาร รวมถึงครอบครัวที่มีความอบอุ่น มั่นคง จากการลงมือทำของสองมือเขาเอง ทำให้วันนี้คือวันของเขาอย่างแท้จริง
กรุณาฟังให้จบ ‘แช่ม แช่มรัมย์’ นักร้องเศรษฐี