"ช่อง3" อ่วม ขาดทุนหนักในรอบ 10ปี
ปาดเหงื่อกันเดินหน้าสู้ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจทีวีดิจิตอลกันอีกระลอก สำหรับการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์ไทย เพราะนอกจากจะเจอพิษการเรียงหมายเลขช่องใหม่จาก กสทช. และการเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านการวัดเรทติ้ง ยังไม่นับรวมปัญหาโครงข่ายเสาส่งสัญญาณล่ม การเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศที่ยังไม่ทั่วถึงแล้ว ปีนี้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต้องเผชิญกับสภาวะยุคแห่งเศรษฐกิจซบเซา ประชาชนงดการจับจ่ายใช้สอยกันถ้วนหน้า ส่งผลให้บริษัทต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดตามมาด้วย ส่งผลให้รายได้ของสถานีลดลงตาม
แม้ที่ผ่านมา จะมีการมองว่ามือเก่าเก๋าเกมอย่างช่องหลักอย่างช่อง 3 หรือแม้แต่ช่อง 7 ที่มีอันดับเรทติ้งทั่วประเทศในลำดับต้นๆ จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างไม่เจ็บตัวมากนัก ก็ยังต้องเดินฝ่าพายุครั้งนี้ไปให้ได้เช่นกัน โดยสิ่งที่เห็นชัดเจนในการวางกลยุทธ์เพื่อขึ้นเป็นอันดับท็อป 3 ของช่องทีวีดิจิตอลที่มีเรทติ้งมากที่สุดนั่นคือ การวางโพซิชั่นนิ่งที่มีความแตกต่างและชัดเจนจากช่องเดิมที่มีการวางมา รวมทั้ง การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้ชมให้ยึดติดกับหน้าจอให้นานที่สุด
คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด เผยว่า การรักษาเรทติ้งถือเป็นเรื่องยาก โดยปัจจุบันละครหลังข่าวมีผู้ชมลดลงจากเดิม แต่ไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของช่อง เนื่องจากจุดแข็งด้านละครหลังข่าวช่องอื่นยังไม่สามารถสู้ได้ ล่าสุดได้มีการปรับผังรายการใหม่ โดยช่อง 3 SD เน้นเรื่องกีฬาทั้งในและต่างประเทศ และยังมีคอนเทนต์ลิขสิทธิ์กีฬาอีกมาก
ทั้งนี้ จากการขายเวลาโฆษณาในช่วงละครรีรันของช่อง 3 SD จะเต็ม ณ ปัจจุบัน ทำให้ช่อง 3 ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราค่าโฆษณาจาก 15,000 บาทต่อนาทีไปเป็น 30,000-50,000 บาทต่อนาที และจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 1 00,000 บาทต่อนาทีในระยะยาว โดยค่าโฆษณา 100,000 บาทต่อนาที สำหรับละครรีรันถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย และเชื่อว่าการผลิตรายการใหม่เท่านั้นที่จะส่งผลให้เรตติ้งของช่อง SD ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว ถึงแม้ว่าอัตราค่าโฆษณาของช่อง SD จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 แต่คาดว่าทั้งสองช่องจะยังคงแสดงผลขาดทุนในช่วงปี 2558-2559 เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.5 พันล้านบาทต่อปีจะกลบรายได้ของทั้งสองช่อง ซึ่งอยู่เพียงแค่ ประมาณ 300-400 ล้านต่อปีเท่านั้น
นอกจากนี้ ภาวะเม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในช่วง ก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้โฆษณาในไตรมาส 3/58 ของ BEC มีแนวโน้มลดลง 3-4% โดยภาพรวมเราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 ที่ 700 ล้านบาท ลดลง 35% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และ 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน ซึ่งทำให้ล่าสุดได้มีการการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 ลงอีก 10% เหลือประมาณ 2.98 พันล้านบาท