เปิดอกโปรดิวเซอร์! "ปรัชญา" เร่งหาทางฉาย "อาบัติ"
ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีแบนภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" ล่าสุดมีความคืบหน้าจาก "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ออกมาชี้แจงว่า
"พยายามทำให้ภาพยนตร์ฉายให้ได้ มีการอุทธรณ์ภายใน 15 วัน ซึ่งมองว่าช้าไป เสียโอกาสในการฉายไปแล้ว ก็เลยตัดต่อใหม่ ตัดฉากที่ดูรุนแรงออก อย่างฉากพระสงฆ์ดื่มของมึนเมา ตัดออกใหม่ ฉากคำพูดรุนแรงไม่สามารถตัดออกได้ พยายามทำไม่ให้เสียอรรถรสในการชม
ซึ่งทางคณะกรรมการวิดีทัศน์ ชี้แจงว่าภาพยนตร์เรื่องอาบัติ ผิดกฎหมาย 4 ข้อ โดนสั่งให้แบน ไม่ได้สั่งให้มาตัดต่อใหม่ ก็เลยเลือกตัดตามวิธีของตัวเอง ตอนนี้พยายามติดต่อ เพื่อแจงความจำนง เสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ใหม่อีกครั้งหลังจากตัดต่อใหม่ ในความรู้สึกภาพยนตร์อาจจะหายไปบางส่วน แต่อรรถรสของแก่นเรื่องยังคงเดิม
ส่วนเรื่องกระทู้ที่มีคนอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย ได้ติดตาม เพราะสาเหตุนี้ทำให้มีกำลังใจ แต่อีกสาเหตุก็คือ อยากทำให้ภาพยนตร์เป็นเหมือนสื่อมวลชน โดยที่ไม่มีรัฐบาลมาแทรกแซงการทำงาน แจงหลายๆ ฝ่ายช่วยกันผลักดันให้ภาพยนตร์เป็นสื่อ แต่อาจจะด้วยกระบวนการหลายๆ อย่าง ทำให้ทำไม่ได้ รู้สึกดีใจมากที่การเคลื่อนไหวของสังคมไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลมาตัดสิน ในมุมคนทำภาพยนตร์ สมาพันธ์ภาพยนตร์จะใช้โอกาสตรงนี้เจรจากับทางรัฐบาลให้แก้กฎหมายใหม่ ให้คนที่ทำภาพยนตร์มีความรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าสังคมจะแบน ยินดี ไม่ใช่ให้ 7 คนมาแบน แต่ทุกวันนี้ที่ยอมเพราะอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้ากฎหมายได้เปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เท่ากับว่าเป็นการร่วมมือของประชาชน เพราะว่าประชาชนเลือกได้ จริงๆ ก่อนตัดต่อทริลเลอร์ภาพยนตร์ออกไป ก็มีการปรึกษากันหลายรอบ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ก็มีการลดทอนลงไป แต่ที่ต้องนำเสนอ เพราะแก่นเรื่องมันมาแบบนี้ ส่วนตัวทราบถึงกฎหมายที่จะทำให้ภาพยนตร์โดนแบน แต่ทราบในวงกว้าง เพราะกฎหมายส่วนนี้กว้างมาก ส่วนตัวรับรู้ในเรทภาพยนตร์ ว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในสัดส่วนเท่าใด แต่ในส่วนของเรทแบน กฎหมายกว้างมาก กำหนดอยู่ในมาตรา 29 อันนี้ปล่อยให้อยู่ในดุลยพินิตของคณะกรรมการ ซึ่งส่วนตัวมองว่าตรงนี้เป็นปัญหา ไม่เห็นด้วยกับระบบ ไม่โทษคณะกรรมการ ไม่โทษกระทรวงวัฒนธรรม ต่อให้เปลี่ยนคณะกรรมการ ยังไงก็โดนแบน มันอยู่ที่ระบบ ตัวกฎหมายมากกว่า
ตอนนี้พยายามทำทุกอย่างให้ได้ฉาย ใจจริงอยากให้ได้ฉายในฉบับไม่ตัด แต่ยังไงก็ต้องเคารพกฎ กติกา ความคิดเห็นของคณะกรรมการ แต่คงไม่ตัดให้เสียอรรถรส เสียแก่นเรื่องของภาพยนตร์ เชื่อว่าคนไทยจะรักหนังเรื่องนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการจะรับพิจารณาหรือเปล่า หรือรับแล้วจะพิจารณาตรวจเมื่อไหร่ อันนี้ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด ตอนแรกที่รู้ว่าโดนแบน บั่นทอนจิตใจในการทำหนังเป็นอย่างมาก แต่พอรับรู้ถึงพลังประชาชน สื่อมวลชนให้ความสนใจ ก็ดีใจ หวังว่าจะทำให้สังคมพัฒนาไปในทางที่ดี"