ทำความรู้จักพิธีกรหน้าใหม่ผู้ชนะการประกวด SMART MC ที่จะเข้ามาสร้างสีสันให้วงการสื่อไทย

ทำความรู้จักพิธีกรหน้าใหม่ผู้ชนะการประกวด SMART MC ที่จะเข้ามาสร้างสีสันให้วงการสื่อไทย

1

ทำความรู้จักพิธีกรหน้าใหม่ผู้ชนะการประกวด SMART MC ที่จะเข้ามาสร้างสีสันให้วงการสื่อไทย

        หลังจากที่ทาง อสมท เปิดรับสมัครเพื่อเฟ้นหาพิธีกรหน้าใหม่ ในกิจกรรม “SMART MC THE AUDITIONS” ซึ่งได้เปิดรับไปเมื่อวันที 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และล่าสุดการแข่งขันก็จบลงแล้ว และได้ 5  ผู้เข้าแข่งขันที่มีความโดดเด่น และมีความสามารถเฉพาะตัวคว้ารางวัลในปีนี้ ซึ่งได้ผู้ชนะก็คือสาว “ขนมเค้ก ญาณิน มหิสรากุล” และรองชนะเลิศคือ “ไนตัส นวพล อุปพงศ์” “โจ้ จิรวัชร์ จิตติมานะสัจจะ” “ภัค นรภัค สกุลซ้ง” และ “ปั๊บ ปาฏิหาริย์ เพ็งสุข” ซึ่ง ขนมเค้ก,ไนตัส,โจ้ และภัค ก็ได้มาเล่าประสบการณ์จากโครงการนี้ให้แฟนๆ “ดาราเดลี่” ได้ฟังว่า

        สาเหตุที่มาสมัครโครงการนี้ 

        “ภัค” เผยว่า “อยากจะมาลองเปิดประสบการณ์ในการทำงานพิธีกรของตัวเอง และก็มาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพูดต่อหน้าประชาชน พูดยังไงให้น่าฟัง หรือดึงดูดคนได้มากที่สุดครับ”

        “ขนมเค้ก” เผยต่อว่า “อย่างแรกเลยคืออยากทำตามความฝันตัวเอง คือเป็นพิธีกร อย่างเราจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ได้มีโอกาสทำงานด้านพิธีกรเยอะๆ อีกอย่างที่สำคัญช่องมีการจัดอบรม เป็นสิ่งที่สนใจมากๆ จะได้มาเรียนรู้ประสบการณ์ทั้งทางด้านพิธีกร การอ่านข่าว การอบรมเป็นสิ่งสำคัญ แล้วก็ดึงดูดให้มาสมัครโครงการนี้ค่ะ”

         “โจ้” บอกว่า “สั้นๆ เลยครับ ต้องการมาพิสูจน์ตัวเองครับ แค่นั้นเลย”

         “ไนตัส” เสริมว่า “เคยได้ลองเป็นพิธีกรที่โรงเรียนมาสักพัก ในหลายๆ งาน จนรู้สึกว่าเรามีของอยู่ในตัว ทำไมไม่เอาออกมาเป็นอะไรที่ใช้เป็นสิ่งที่จะนำพาให้ชีวิตเราดีขึ้น ก็เลยเลือกที่จะมาประกวดว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน จะเสริมสร้างอะไรในชีวิตเราได้บ้าง”
จากการทำเวิร์คช็อปในโครงการที่ผ่านมาได้นำมาใช้ในการแข่งขันรอบสุดท้ายอย่างไร

         “ภัค” เล่าให้ฟังว่า “สู้กันอย่างมันส์หยดเลยจริงๆ คือมีหัวข้อมาให้เราก็แบทเทิลกันว่าใครจะนำเสนอได้ดึงดูด และควบคุมเวลาได้มากที่สุด ข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ณ ตรงนั้นครับ”

         “ขนมเค้ก” เล่าต่อว่า “ตอนนั้นจะมีกิจกรรมการค้นหาคาแรกเตอร์ ขนมเค้กก็จะได้เป็นสาวมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็คือเป็นคนที่ต้องร่าเริงด้วย ฉะนั้นก็จะเอามาปรับกับการพูดตัวเอง ไม่ให้เป็นทางการเกินไป แต่ให้มันดูสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวก็ไม่ทิ้งคาแรกเตอร์ตัวเอง ก็คือชัดเจนค่อนข้างเป็นทางการหน่อยค่ะ”

          “โจ้” เสริมต่อว่า “อย่างที่พี่ขนมเค้กพูดไปนะครับ ว่าเราต้องหาคาแรกเตอร์ของเราออกมาให้ชัดที่สุด เพราะรอบสุดท้ายผมว่าถ้าเรายังเป็นคนอื่น เขาคงไม่เลือกเรา เพราะทุกคนเขามีอยู่แล้ว เราจะไปเป็นแบบเขาทำไม เราควรจะเป็นตัวของเราให้ได้มากที่สุดที่บนโลกนี้ยังไม่มีครับ”

         “ไนตัส” บอกว่า “เรารู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเราเป็นอะไร และรู้ว่าศักยภาพของเราเป็นยังไง แต่ที่เราเป็นอยู่จะเอามาเป็นประโยชน์ยังไงบ้าง สิ่งที่ได้จากการเวิร์คช็อปคือสมาธิ การรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไป รู้ว่าสถานการณ์จริงๆ พออยู่ตรงนั้นปุ๊บสคริปต์หายไปหมดเลย เราต้องดึงความรู้ที่อยู่ในหัวของเราออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด”

          จุดเด่นที่คิดว่าทำให้กรรมการเลือกเป็นผู้ชนะในครั้งนี้คืออะไร

          “ขนมเค้ก” แจงว่า “ความชัดเจนทางด้านภาษา ทั้งภาษาไทยด้วย และขนมเค้กได้แสดงความสามารถภาษาอังกฤษด้วย ก็เหมือนทำได้สองอย่างนะคะ การพูดมั่นใจ เวลาทำออกมาให้เขาเห็นว่ามีความตั้งใจ มีบุคลิกที่โดดเด่นแต่งต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะทางด้านภาษาค่ะ”

          “ภัค” เผยว่า “การทำอะไรได้หลายอย่างๆ สามารถเล่นละครได้ ร้องเพลงได้ พูดได้ เป็นพิธีกรได้ครับ คิดว่าตรงนั้นสำคัญสุดครับ”

          “โจ้” บอกว่า “นอกจากเป็นตัวของตัวเอง มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดแล้ว ผมว่าเราต้องสามารถเอนเตอร์เทนคนได้ และในขณะเดียวกันยังต้องสามารถดูน่าเชื่อถือได้ด้วย ผมว่าตรงนี้พอมามิกซ์แอนด์แมชกันมันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างครับ ไม่ใช่แค่สนุกอย่างเดียว แต่ยังสามารถอ่านข่าวหรือทำอะไรที่จริงจังได้ครับ”

          “ไนตัส” บอกต่อว่า “โชคดีที่รู้คาแรกเตอร์ตัวเองตั้งแต่เกิด ไม่เคยที่จะลังเลที่จะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การแสดงออก การเต้น ร้องเพลง มันเป็นตัวเราสุดๆ จนพอยิ่งรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ก็ฝึกฝนกับตัวเองให้ได้มากขึ้น จนเขาเห็นว่าคนนี้เป็นพิธีกรด้านนี้ก็ได้ แต่ผู้ชายก็ได้นะครับ หล่อได้เหมือนกัน ส่วนข้อดีสุดๆ ของตัวเองคิดว่า มีความตลกตั้งแต่ใบหน้า จนกิริยาท่าทาง นี่ก็เป็นจุดเด่น เอนเตอร์เทนได้พอสมควร”

          ในฐานะที่เป็น 1 ใน 5 ของผู้ผ่านการคัดเลือกคิดว่าจะสร้างประโยชน์ให้วงการสื่ออย่างไร

          “ไนตัส” เผยว่า “เป็นสื่อที่ดี ตรงต่อเวลา เรียนรู้ตลอดเวลา ตั้งใจทำงาน แล้วก็อีกอย่างไปลามาไหว้อันนี้สำคัญครับ พี่ๆ ปลูกฝังตลอด แล้วก็อยากจะทำรายการที่แพ้ชาติใดในโลกนี้ อยากให้มีรายการที่หลากหลายกว่าที่เห็นปัจจุบัน อาจจะช่วยโปรดิวซ์เซอร์เสนอความเป็นตัวเองใส่ลงไปในรายการ รูปแบบใหม่ที่คนเฒ่าคนแก่ก็ต้องดู อยากให้มีรายการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น”

          “โจ้” เสริมว่า “สำคัญที่สุดคือเราต้องมีความเป็นกลาง เราให้ข้อมูลทั้งสองด้าน แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าอะไรดีหรืออะไรถูกกว่า หรือไม่ดี ผมว่าเราให้ข้อมูลให้มันแฟร์ ให้มันยุติธรรมทั้งสองฝ่าย แล้วการตัดสินใจ ผมว่าคนฟังเขาตัดสินใจได้เองครับ”

          “ขนมเค้ก” บอกต่อว่า “ต้องนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง และไม่นำเสนอที่เราไม่มั่นใจ อะไรที่มันถูกต้องเราถึงนำเสนอ ให้คนฟังข่าวและคนดูรายการรับรู้ในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะว่าอย่างเราเองเวลาเป็นคนดูรายการ เราก็อยากรับสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่มั่นใจแล้วเอามาพูด มีผลเสียกับตัวเองหรือทัศนคติเราได้ค่ะ”

          “ภัค” เสริมต่อว่า “อย่างที่พูดมาก็ถูกหมดทุกคนเลยนะครับ การเป็นสื่อต้องเที่ยงตรง เสนอข่าวออกไปแล้วไม่ใช่ข่าวที่มั่ว มีแหล่งที่มาแล้วก็ข่าวนั้นเชื่อถือได้ครับ เป็นข้อดีและข้อสำคัญของการเป็นสื่อครับ”
คิดว่าการที่เคยทำงานด้านนี้มาก่อนทำให้มีโอกาสมากกว่าผู้แข่งขันคนอื่นหรือไม่

          “ภัค” ค้านว่า “ไม่จริงเลยครับ การที่ทำงานมาก่อนอาจได้แค่ว่าเป็นการฝึกฝนตัวเอง แต่พอมาเจอทุกๆ คนแล้ว ทุกคนมีของและบางคนเก่งกว่าผมด้วย แต่ที่เขาไม่ได้ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความพร้อม ณ ตรงนั้นมากกว่าของแต่ละคน และโอกาสที่เขาจะไขว่คว้าได้มากกว่าแค่นั้นเองครับ”

          “ขนมเค้ก” แจงว่า “เคยทำรายการสดมาแล้ว รู้สึกว่ามันก็ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นเวลาได้ทำอะไรสดๆ โดยที่ไม่มีการเตรียมสคริปต์มาก่อน รวมถึงการทำหน้าที่เป็นพิธีกรที่จุฬาฯ มันมีโอกาสทำหน้าที่ทั้งเป็นทางการ ไม่ทางการ รวมถึงกึ่งทางการ มันทำให้รู้สึกว่าเวลาเรามาใช้ เราสามารถประยุกต์ในสิ่งที่มันเป็นตัวเอง ประยุกต์ว่ารายการนี้ควรจะใช้ยังไง ควรจะพลิกคาแรกเตอร์ การพูดจาอย่างไรให้ถูกต้องค่ะ”

          “โจ้” เล่าว่า “เคยเป็นพิธีกรของมหาวิทยาลัย ก็รู้สึกว่าเวลาเราจะขึ้นเวที หรือเวลาที่เราจับไมค์ หรือออกกล้องเขานับสามสองหนึ่ง เรากำลังจะดินออกจากม่านไป ตอนนั้นในหัวเราถึงจะมีกังวลไม่พร้อม ปวดหัว เจ็บขานู่นนี่นั่น เมื่อเราเดินก้าวออกไปเมื่อไหร่เราต้องพร้อม ทุกอย่างต้องต่อเนื่องไป ทุกอย่างต้องเริ่มและก็ไปเรื่อยๆ เหมือนที่ใครสักคนนึงพูด The Show Must Go On เราไม่สามรถพูดได้ว่าปวดท้องเดี๋ยวผมกลับมาต่อมันไม่ได้ ต้องทำให้คนดูรู้ว่าเราพร้อม ถ้าเราดูไม่พร้อมเขาไม่เชื่อเรา ถ้าเราไม่เชื่อตัวเองเลยใครจะเชื่อเรา” 

         “ไนตัส” บอกว่า “ส่วนใหญ่เคยเป็นตัวประกอบ ถ่ายรายการนิดหน่อย ยังไม่ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพตรงนั้น แต่ว่าก็เคยสดๆ เหมือนกัน ทำอีเว้นท์ของโรงเรียน จับทุกไมค์ ทั้งลอยกระทง งานเฟรชชี่น้องๆ จะได้ทำเยอะมาก เป็นพวกกลางแจ้ง ที่ประชุม ถึงไม่มีประสบการณ์ก็จริง แต่ฝึกฝนจากสัญชาตญาณมันมา เคยปิดประตูตัวเองไปรอบนึงแล้วว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เรียนนิเทศศาสตร์ก็จริง สุดท้ายถ้าไม่ใช่ก็ขอหยุดอยู่ข้างหลัง แต่ตอนนี้ได้เดินทาง ได้กลับมาสู้อีกครั้งนึง อย่างที่พี่เค้กบอกว่า ถ้าไม่กล้าที่จะทำเปอร์เซ็นต์อาจจะเป็นศูนย์ตลอด  แต่นี่เราลงมือทำเปอร์เซ็นต์นั้นเราได้ประสบการณ์ ตอนนี้ได้มาเป็น 1 ใน 5 ก็แฮปปี้มาก จริงๆ ดีใจมาก วันแรกให้ผ่านก็คิดว่ามาสร้างสีสัน ไปๆ มาๆ เรื่อยๆ เราก็คิดว่า เราไม่อยากให้เขามองแค่ว่าตุ๊ดเป็นแค่คนที่ทำให้ตลกได้อย่างเดียว เราอยากจะถ่ายทอด เราคือบุคคลที่ซับพอร์ตคุณ เราคืออีกคนที่ทำหน้าที่พิธีกรได้ดีไม่แพ้ผู้ชายจริงหญิงแท้ แล้วก็จะเป็นอีกคนที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ คุณหัวเราะจากเรา และคุณได้สาระจากเราเช่นกัน”

          “ภัค”  เสริมต่อว่า “เวทีนี้ให้โอกาสทุกคน หน้าตาไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะมันสามารถทำได้ทุกวันนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าความรัก ความสามารถ ความพร้อมของคุณ เพราะว่าช่องเราพร้อมแล้วที่จะผลักดันพิธีกรหน้าใหม่ออกสู่ของนอก ให้มีศักยภาพมากที่สุด ไม่ให้แพ้กว่าช่องไหนๆ”
ท้ายสุดฝากถึงคนที่มีฝันว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อมาประกวดในปีหน้า

           “ภัค” บอกว่า “ถ้าคุณมีใจรักในการเป็นพิธีกร หรือคุณมีใจรักในการพูด ขอให้คุณมาเถอะครับ ขาว สูง ต่ำ ดำ เตี้ย ยังไงมาเถอะครับ ขอให้คุณมีใจรัก แล้วก็ความกล้า และก็ความพร้อมที่สุด ถ้าคุณพร้อมในตอนนี้ 1 ใน 5 ไม่หนีคุณไปไหนแน่นอนครับ”

           “ขนมเค้ก” บอกเพิ่มเติมว่า “ต้องฝึกฝนตนเอง ระหว่างเวลา 1 ปี ถ้ามีโอกาส มหาวิทยาลัยหรืออะไรที่ให้โอกาสก็ลองไปทำหน้าที่เป็นพิธีกรดู เพราะว่าการฝึกฝนจะทำให้เราเก่ง ไม่ใช่เกิดมาเก่งเลย คนเก่งยังสู้คนที่ฝึกฝนไม่ได้นะคะ ได้ลองทำรายการพิธีกร การทำอาจจะเป็นหน้าเวทีก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ”

           “โจ้” บอกว่า “ก็สั้นๆ ละกันนะครับ ก็อยากฝากว่าโอกาสมันมาแล้วไปเลย มันไม่เคยรอ หลายๆ คนจะคิดเดี๋ยวครั้งหน้าละกัน ครั้งนี้ยังไม่พร้อม ครั้งหน้าก็ยังมีอายุยังน้อย ผมอยากจะฝากว่าถ้าโอกาสมาถึงแล้วตัดสินใจเลยครับ อย่ารอ อย่าลังเล เพราะถ้ามันหลุดแล้วคุณอาจจะหายไปเลยก็ได้ไม่ได้กลับมาอีกเลย”

           “ไนตัส” ปิดท้ายว่า “อยากฝากถึงทุกคนมีของ เพศอย่างเราๆ ด้วย ถ้าคุณได้อ่านข้อความของดิฉัน อยากให้คุณรู้ว่าโอกาสมาแล้วจะรออะไร รู้ว่าคนแบบเราของมันเยอะมาก มันอยู่ในกุของคุณ มันอยู่ในหีบห่อที่คุณแพ็คมันไว้ หยิบข้อดีของคุณมาพัฒนาไปให้ไกลที่สุดครับ”

พิธีกรหน้าใหม่ ชนะการประกวด SMART MC สร้างสีสัน วงการบันเทิง สื่อไทย บันเทิง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments