ส่อง 10 หนังต้นทุนต่ำ แต่กวาดรายได้เกินคาด!!

ส่อง 10 หนังต้นทุนต่ำ แต่กวาดรายได้เกินคาด!!

1

ส่อง 10 หนังต้นทุนต่ำ แต่กวาดรายได้เกินคาด!!

           เมื่อพูดถึงวงการภาพยนตร์ในสมัยนี้ก็มีภาพยนตร์มากมายที่ผลิตออกมา บ้างก็ขาดทุน บ้างก็ได้กำไรเกินคาด หรือหลายๆ เรื่องก็อาจไม่ได้ออกมาฉายด้วยซ้ำ วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพามาดู 10 ภาพยนตร์ที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด แต่กวาดรายได้และได้กำไรอย่างมหาศาล อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกันเลย

            เริ่มกันที่เรื่องแรก Mad Max (1979) ผลงานแจ้งเกิดของ George Miller หนังที่ใช้ต้นทุนการผลิตแค่ 200,000 เหรียญสหรัฐ แต่ได้กำไรจากทั่วโลกมากถึง 99.75 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

            มาที่เรื่องที่สอง Saw (2004) หนังแนวซาดิตส์ที่ได้รายได้จากทั่วโลกกว่า 103 ล้านดอลล่าสหรัฐ แต่ใช้ต้นทุนการผลิตไปแค่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหนังเรื่องนี้เริ่มต้นมาจาก James Wan และ Leigh Whannell ทำหนังสั้น 10 นาทีด้วยเงิน 3,000 เหรียญสหรัฐ และนำไปเสนอค่ายหนังจนได้รับความสนใจ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

            มาต่อกันกับเรื่องที่สาม Blair Witch Project (1999) ผลงานจากผู้กำกับ Daniel Myrick และ Eduardo Sánchez ที่ถ่ายทำในแนว Found Footage สไตล์วิ่งไปถ่ายไป จึงใช้ต้นทุนไปแค่ 35,000 เหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจากโปรโมทแบบ viral marketing จึงทำให้มีผู้คนให้ความสนใจจนได้รายได้อย่างถล่มทลายทั่วโลกถึง 248.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

            เรื่องที่สี่ได้แก่เรื่อง Napoleon Dynamite (2004) หนังสไตล์ Modern Comedy ที่ได้ข่าวมาว่านักแสดงยังได้ค่าตัวราคาถูกกว่าเครื่อง Mac ซะอีก ซึ่งหนังเรื่องนี้ถ่ายกันแค่ 22 วันและตัดต่อกันด้วยคอมเครื่องเดียว โดยเรื่องดังกล่าวใช้ต้นทุนสร้างไปแค่ 400,000 เหรียญสหรัฐ แต่ได้รายได้ถึง 46 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

            เรื่องต่อมา Eraserhead (1977) หนังแนวใหม่ของผู้กำกับ David Lynch ที่สร้างออกมาในแนวขาวดำ เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความอึดอัด แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นกระแสขึ้นมาได้ โดยเรื่องนี้ใช้ต้นทุนไปแค่ 20,000 เหรียญสหรัฐ แต่ได้กำไรมากถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

            เรื่องที่หกได้แก่ Super Size Me (2004) เป็นหนังแนวสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของ Morgan Spurlock ที่ยอมลงทุนกินฟาสต์ฟู้ดแทนข้าวทุกมื้อเป็นเวลาเดือนนึงเต็มๆ ได้ข่าวมาว่าการยอมลงทุนดังกล่าวทำให้เค้าเกือบตายเลยทีเดียว โดยหนังเรื่องนี้ใช้ต้นทุนสร้างเป็นค่าอาหารฟาสต์ฟู้ดของหนุ่ม Morgan ด้วยงบ 65,000 เหรียญสหรัฐ แต่เมื่อหนังออกฉายก็สร้างรายได้ถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

             ต่อมากับหนังเรื่อง Rocky (1976) ซึ่งหนังเรื่องนี้นับเป็นการคิดค้น Steadicam ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ทำให้ดูมีมิติและน่าสนใจ ซึ่งเรื่องนี้ใช้ต้นทุนในการสร้าง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทำรายได้จากทั่วโลกกว่า 225 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

             ต่อมากับเรื่องแปด Halloween (1978) หนังสยองขวัญนอกกระแส ตามสไตล์สับแหลก ตัวร้ายสวมหน้ากากวิ่งไล่ฆ่าในห้องไฟสลัวๆ โดยเรื่องนี้ใช้ต้นทุนแค่ 325,000 เหรียญสหรัฐ แต่สร้างรายได้ถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

              มาที่เรื่องที่เก้า กับเรื่อง Once (2007) ผลงานจากผู้กำกับ John Carney เรื่องนี้เป็นหนังอินดี้นอกกระแสจาก Ireland ที่ใช้ต้นทุนไปแค่ 150,000 เหรียญสหรัฐ แต่ทำรายได้จากทั่วโลกถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

             และเรื่องสุดท้าย หนังผีชื่อดังที่ไม่ว่าใครก็รู้จักอย่าง Paranormal Activity (2007) หนังแนวสยองขวัญที่ใช้กล้อง Home Video ถ่ายในลักษณะตั้งกล้องและวิ่งถ่าย ใช้นักแสดงแค่ 2 คน ถ่ายทำกัน 7 วัน โดยหนังเรื่องนี้ใช้ต้นทุนไปแค่ 15,000 เหรียญสหรัฐ แต่ทำรายได้มากถึง 193 ล้านเหรียญสหรัฐ จนล่าสุดตอนนี้สร้างมาถึงภาคที่ 5 กันแล้ว

 ภาพยนตร์ หนังต้นทุนต่ำ บันเทิง รายได้ ขาดทุน กำไรดี ดารา นักแสดง วงการบันเทิง

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก dooddot

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments