ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าพ่อทอล์คโชว์ "ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์" แห่งรายการ "ทูเดย์โชว์" ที่เปิดโอกาสให้ทีมข่าว "ดาราเดลี่" ร่วมชมการบันทึกเทปสัมภาษณ์แขกรับเชิญสุดฮอต "ณเดชน์ คูกิมิยะ" พร้อมเอื้อเฟื้อบทสัมภาษณ์บางช่วง บางตอน ที่ "ทิดณเดชน์" เผยความรู้สึกหลังได้บวชอยู่ในร่มเงาของผ้ากาสาวพัสตร์ และศึกษาพระธรรมคำสอนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
"ทิดณเดชน์" ปรากฏกายในชุดสูทสีน้ำเงิน ดูสุขุม พร้อมการเปิดใจสนทนาในบรรยากาศที่เป็นกันเองกับพิธีกรที่เคารพรัก "อาต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์"
แม้คนอื่นหมื่นแสนพูดถึงเรื่องการบวช วัยเบญจเพสสมควรบวช แต่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ จนได้มาพบกับพระอาจารย์หลวงพ่อทองใบ
"ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อทองใบ พูดถึง โครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชเนกขัมมะ เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 จำนวน 588 รูป เมื่อรับทราบก็ขานรับว่าจะช่วยประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ นี้ให้ แต่ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อทองใบได้พูดออกมาว่า เดี๋ยวเราจะพาเธอไปเอง ไม่ต้องห่วง เราจะสอนเธอเอง ผมก็เอ๊ะ! ท่านรู้ได้อย่างไรว่าผมคิดจะบวชอยู่ในใจ ส่วนตัวรู้สึกมีพลังบางอย่างส่งมา ทำให้ศรัทธา อยากบวช พอขึ้นรถตู้ก็โทรคุยกับผู้จัดการส่วนตัวว่าช่วยเคลียร์วันให้ผมที ทั้งมีโอกาสได้บวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย ผมยิ่งรู้สึกดีใจและตั้งใจที่จะบวชให้ได้"
เมื่อตั้งใจที่จะบวช ก็ต้องเคลียร์งาน
"มีหลายเรื่องที่ต้องเคลียร์ และในที่ร่วมโครงการคือวันที่ 28 พ.ย. 58 ผมมีงานที่ จ.อุดรฯ พอดี พอเสร็จงานปุ๊บก็เข้าวัดเลย เพื่อเตรียมตัวในเรื่องของจิตใจ เริ่มเรียนรู้ปฏิบัติตัวที่จะเป็นพระภิกษุสงฆ์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์ที่วัดเขาเขียว พอบวชเหมือนเราได้มีวิชามาบ้างแล้ว ทำให้การบวช การปฏิบัติ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปลงผม โกนคิ้ว ละแล้วสึกภาระ
"รู้สึกเย็น สบาย หน้าที่และภาระที่แบกอยู่หายไป การเป็นนักแสดง ผม หน้าตา เสื้อผ้าต่างๆ ความต้องดูดี ต้องหล่อมันหายไปกับผม กับคิ้วที่ถูกโกน ส่วนโทรศัพท์มือถือผมฝากแม่ไว้ตั้งแต่วันที่เข้าวัด และบอกแม่ว่าไม่ต้องเอาโทรศัพท์มาให้จนกว่าจะถึงวันที่ 17 ธ.ค. 58 ที่เป็นวันสึก ช่วงที่ไม่มีมือถือช่วงนั้นวิเศษมาก ผมเข้าใจได้เลยว่า ปัจจุบันที่คนเราติดมือถือเพราะจิตเราอยู่กับสิ่งใกล้ตัว ในโทรศัพท์มือถือมีทุกอย่างอยู่ในนี้จริงๆ ทั้งเพื่อน สังคม แหล่งเรียนรู้ ความบันเทิง อบายมุข ฯลฯ คนเราเลยเอาจิตไปพึ่ง เวลาที่นั่งว่างไม่มีอะไรทำก็หยิบมือถือขึ้นมา
สำหรับผม ณ ช่วงนั้นที่ตัด ไม่พกมือถือ ถือว่าได้ตัดภาระทุกอย่างออกไปแล้ว ตัดแม้กระทั่งคนที่เราคุยด้วย คนในครอบครัว เราตัดออกไปหมดเลย"
บวชแล้วเหมือนพยายามสงบนิ่งจนดูเคร่งขรึม และตึงเกินไป
"ผมพยายามเคร่ง แต่มารู้สึกที่หลังว่าเราเคร่งเกินไป ตอนนั้นเราจมอยู่กับตัวเอง เราจะขรึม จะไม่ยิ้ม จะนิ่ง โดยลืมคิดว่าเรากำลังตึงเกินไป อย่างช่วงตอนที่บวชนาค ฆารวาสไม่ค่อยวุ่นวาย แต่ที่เรียกขอถ่ายรูปตลอดคือนาคด้วยกันที่มีอยู่หลายร้อยคน เราตั้งใจจะนั่งสมาธิ พยายามนิ่ง และรู้สึกว่าทำไมพวกคุณที่มาบวช ทำไมไม่หาความสงบกันหน่อย แต่เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นมา เรากลับมาคิดได้ว่า ใจเราวุ่นวายกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ใจเราร้อน หงุดหงิด คิดโน่นนั่นนี่ คิดโทษเค้า จริงๆ เราควรหาความสงบจากตัวเราเอง สงบที่ใจเรา ปรัชญาแรกที่คิดได้จากการบวชเรียน คือ ความสงบเราหาจากภายนอกไม่ได้ เราต้องหาที่ตัวเอง
เรื่องเล่าของคนกลัวผี
"ก่อนบวชผมมีโอกาสได้ไปถือศีล 8 คืนแรกกลัวมากที่จะต้องนอนคนเดียว บอกกับตัวเองว่าถ้าคืนนี้เราผ่านไปได้ การบวชพระเราก็ต้องนอนคนเดียวได้ เราก็นอนไปด้วยความเด็ดเดี่ยว รู้สึกตัวตอนดึกก็พยายามข่มตาหลับ และวันแรกที่บวชเป็นเณรก่อน จากที่พระอาจารย์ให้เลือกว่าจะไปปักกลดหรือจำวัดในอาคาร (เว้นช่วงให้คนฟังได้ลุ้นก่อนเฉลย) ผมเลือกที่จะไปเคาะห้องพี่ชายแล้วขอนอนด้วย (อมยิ้ม) ทั้งอายทั้งกลัว กลัวทั้งผีกลัวทั้งคน กลัวคนจะเอาไปเล่าว่าเณรณเดชน์วันแรกก็มาขอนอนกับคนอื่นแล้ว แต่ก็นอนนะครับ ตอนบวชเป็นพระ ผมขอให้พระเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักโดยการสนทนาธรรมมานอนใกล้ๆ กัน"
"อาต๋อย" เลยช่วยสรุปว่า ห่มผ้าเหลืองไม่ได้ช่วยให้คนหายกลัวผี แต่ต้องสู้กับใจตัวเอง ทิดณเดชน์ขานรับ ปฏิบัติธรรมบนเขา ทั้งหนาว ทั้งมืด คืนไหนที่เป็นคืนเดือนมืดแม้ฝ่าเท้าที่เดินจงกลมก็ยังมองไม่เห็น
ตั้งใจบวช ตั้งใจปฏิบัติเคร่งครัด
"ช่วงกลางๆ ของการบวช ตั้งวินัยกับตัวเอง ทำการปิดวาจา ไม่พูดกับใครเป็นเวลา 5 วัน มีอยู่วันนึงหลังฉันเพลนเสร็จ พระอาจารย์ที่เป็นพระพี่เลี้ยงท่านเรียกไปพบ บอกว่าโยมแม่ฝากของมาให้ เมื่อรับและจะลุก พระอาจารย์ท่านก็บอกว่า ณเดชน์อยู่กับความเป็นจริงเถอะ ผมเองสงสัยว่าท่านรู้ได้ยังไง เพราะผมไม่ได้ปิดป้ายปิดวาจาด้วย ท่านสอนว่าเราเป็นคนของประชาชน ควรอยู่กับความเป็นจริง คนเรามีแค่ 2 อย่าง คือ พอใจ กับ ไม่พอใจ อยู่กับมันให้ดี เรียนรู้มันไป สำคัญศึกษาตัวเองให้มากๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ อันนี้
ได้ข้อคิด คิดได้ผมเลยเปิดวาจา ที่ปิดวาจาเพราะเราปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่เราเคยเป็นอยู่ ในขณะที่บวชก็ยังมีพระเพื่อนมาขอถ่ายรูปเหมือนเดิม ซึ่งเราก็วกกลับไปคิดในตอนที่เราเป็นนาคว่าทำไมต้องถ่าย แต่จริงๆ เราลืมว่าเราเคยเป็นใคร ที่จริงแล้วที่เรามาบวชเรียนแค่เรามาศึกษาตัวของตัวเราเท่านั้นเอง"
การฉันมื้อเดียว ยอมรับว่ามีผลกระทบ
"บางครั้งหิวจนต้องฉันน้ำปานะ 3 วันแรกขับถ่ายไม่ออกรู้สึกอึดอัดแม้จะดื่มน้ำเยอะก็ตาม ผอมลงเรื่อยๆ ยิ่งผอมยิ่งหนาว ส่วนการฉันอาหารฉันแบบตักรวมไว้ในถ้วยเดียว เพราะจัดสำรับให้สวยงามยังไงเวลากินเข้าไปก็ไปรวมอยู่ในท้อง กลายเป็นของเน่าของเสียอยู่ดี ได้ข้อคิดแก่ตัวเองว่า ร่างกายเราเป็นของเน่า การกินของที่จัดไว้สวยงาม อร่อยแค่ไหนมันก็กลายเป็นของเน่า ผมสงสารพระเพื่อน คือ หลายท่านต้องทนดมกลิ่นรักแร้ผม ผมเลยต้องไปขอสารส้มมาทาระงับกลิ่น เพราะเป็นพระห้ามใช้ของหอม แม้สบู่ ยาสระผม ผมก็ไม่ใช้ จะใช้คือยาสีฟันตอนแปรงฟันอย่างเดียว"
เดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เท้าได้สัมผัสธรรมชาติ
"พระพี่เลี้ยงพาไปเดินธุดงค์รอบวัดประมาณ 2-3 กิโลฯ เดินช่วงเที่ยง ผมรู้สึกทรมานมาก กลับจากเดินธุดงค์เท้าผมปวด เท้าระบมจากที่กระดูกระแทกกับพื้นที่ร้อนระอุไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกศรัทธาพระที่ท่านเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า ผมว่าท่านน่ากราบ น่าสักการะมากๆ เพราะท่านเป็นผู้ที่ละแล้วซึ่งร่างกาย และพร้อมเผชิญหน้ากับความตายเวลาที่เดินธุดงค์เข้าไปในป่า"
จากการที่ได้บวชเรียน 16 วัน ได้ความรู้ใหม่กับชีวิต
"ผมบวชจำวัดอยู่ที่วัดนาหลวง จ.อุดรฯ 13 วัน และไปจำวัดที่วัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธ์ุ 3 คืนก่อนสึก เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าแท้จริงของชีวิต เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิต แม่มีความสุขมาก ท่านตื่นเช้ามาใส่บาตรทุกเช้า ครอบครัวจะพากันไปวัดตลอด"
"ทิดณเดชน์" ย้ำ "บวชแล้วรู้สึกดีมากๆ เป็นอะไรที่พิเศษที่สุดที่เคยสัมผัสในชีวิต การที่เราไม่ยึดติดกับอะไรเลยเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากครับ"
ครั้งนี้ถือว่าเป็นการบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ ส่วนเรื่องบวชแล้วจะเบียดเมื่อไหร่ รอฟังคำตอบกันได้ในวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมนี้