“นนท์” ขอโทษ “โอ” ถูกจับเทียบหน้าเหมือน ลุ้น! ปีนี้อาจมีผลงานเพลงและซีรีส์
หลังจากจบรายการเดอะวอยซ์ไปตั้งแต่ซีซั่นที่ 1 ผู้ชนะอย่าง "นนท์ เดอะวอยซ์" ก็ดูดีขึ้นจนแฟนๆ กรี๊ดสนั่น ไม่เพียงแค่นั้นยังมีความสามารถจนได้ร่วมงานกับต่างประเทศมาแล้วอีกด้วย รวมไปถึงยังมีคนตั้งข้อสงสัยว่าหน้าตาละม้ายคล้ายนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ "โอ อนุชิต" ซึ่งล่าสุดมีโอกาสได้เจอทางหนุ่มนนท์ เจ้าตัวก็เผยความรู้สึกถึงเรื่องนี้ว่า
ผมเองก็ได้เห็นประเด็นนี้ในโซเชียลเหมือนกัน ก็มีคนพูดกันเยอะว่าไปทำ face off ให้หน้าคล้ายพี่โอหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ดีใจมากๆ ที่มีคนบอกว่าหน้าเหมือนพี่โอ จริงๆ ตอนเด็กๆ เราเคยเล่นระนาดด้วย เราเลือกที่จะเรียนต่อเพราะว่าตอนนั้นภาพยนตร์โหมโรงดังมาก ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่บอกว่าเราหน้าเหมือน และก็ต้องขอโทษพี่โอด้วยที่ถูกเอามาเปรียบเทียบว่าหน้าเหมือนกัน
ส่วนเรื่องเดินแบบที่จีนเหมือนเป็นการต่อยอดจากปีที่แล้ว เพราะว่าปีที่แล้วก็ได้มีโอกาสไปเดินแบบที่สยาม ซึ่งหลายๆ คนก็ค่อนข้างจะแปลกใจในลุคของผมและกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดี จึงได้รับโอกาสจากทางผู้ใหญ่และพี่ๆ หลายๆ คนให้ไปเดินที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง ความจริงแล้วเมื่อปีที่แล้วเราก็เคยไปเซี่ยงไฮ้มาแล้ว แต่ว่าครั้งนั้นไปแค่ร้องเพลงอย่างเดียว ตอนแรกไม่เคยคิดเลยว่าจะมีแฟนคลับเสพผลงานเราอยู่ที่นู่นด้วย ยิ่งโดยเฉพาะเป็นคนจีน แต่พอตั้งแต่ก่อนที่เราจะไปมีคนจีนมาส่งที่สนามบินพร้อมกับเขียนโปสการ์ดเป็นภาษาอังกฤษให้เราด้วย มันก็เลยทำให้เราได้รู้ว่าโลกในปัจจุบันนี้มันกลมขึ้น ซึ่งก็รู้สึกดีว่ามีคนเคยรู้จักและเห็นเราผ่านทางผลงานต่างๆ บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์หรือผลงานเพลงของเราบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ไปพบกับคนที่สนับสนุนเราในที่ไกลๆ ก็มีการฝึกภาษาบ้างในเบื้องต้นเพื่อให้เอาตัวรอดได้ เช่นการแนะนำตัว แต่อาจจะไม่ได้มากมาย
ด้านกระแสจากหนังเรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” ต้องขอขอบคุณมากๆ เลยนะครับ เพราะมีหลายคนเข้ามาถามว่ามีเพลงในภาพยนตร์ปล่อยให้ดาวน์โหลดบ้างมั้ย ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณจริงๆ เพราะว่าในทุกๆเพลงเราตั้งใจกันมาก และความจริงตอนที่ภาพยนตร์ของเราเข้าก็ไปชนกับภาพยนตร์ Super Hero ใหญ่ด้วย เลยทำให้ตอนแรกเราค่อนข้างเกร็งมาก โดยเฉพาะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเราด้วย แต่เมื่อเราได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์รอบสื่อกับพี่ๆ หลายๆ คน ทุกคนก็บอกว่ามันเป็นภาพยนตร์ไทยที่ดีอีกเรื่องนึง ซึ่งรสชาติมันก็จะต่างกันออกไปอยู่แล้วกับภาพยนตร์ในปัจจุบัน
เรื่องงานในวงการก็คงทำหมดแหละครับ เพราะว่าในปีนี้ก็ได้รับโอกาสหลายอย่าง อย่างตอนนี้ก็กำลังดูซีรีส์อยู่ว่าจะเล่นเรื่องไหน แต่ว่าหลักๆ คงต้องร้องเพลงมากกว่า เพราะว่าปีที่แล้วยังไม่ได้ปล่อยซิงเกิ้ลของตัวเองออกมาเลย แต่ยังไงก็ต้องดูคิวอีกที ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีทั้งผลงานเพลงและซีรีส์เลย
อัลบั้มเดี่ยวอันนี้จริงๆ รู้สึกว่าอยากทำเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าตัวเองยังเก่งไม่พอ เราอยู่วงการนี้มา 3 ปี แต่ว่าตอนที่เข้ามาครั้งแรกเราเพิ่งอายุแค่ 16 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งเรารู้สึกว่าเรายังเด็กมาก เราอาจจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่านี้ และในโลกปัจจุบันเราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรากำลังอยู่ในยุคของการดาวน์โหลด ซึ่งเราก็ต้องวางแผนดีๆ ในเรื่องของการลงทุนต่างๆ แต่ว่าในปีนี้ก็คงทำเป็น special project ขึ้นมาก่อนส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกทีนึง