"ซาย" เทรน "มิ้นต์" ร้องลิเกเล่น "รักหลงโรง" ไร้ปัญหาประกบคู่ "ปอ" แม้มาจากต่างเวที!
หลังจากแข่งขันเวทีประกวดร้องเพลงชื่อดัง ก็มีงานรุมมามากมาย และไม่ใช่เพียงแค่งานเพลงเท่านั้น ยังมีงานละครในปีนี้หลายเรื่องด้วยกัน สำหรับสาว "ซาย หทัยชนก สวนศรี" หรือ "ซาย KPN" และเมื่อมีโอกาสได้เจอเจ้าตัว เธอก็ได้อัพเดทถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า
ตอนนี้ผลงานของหนูนะคะ พอออกจากการแข่งขันเสร็จแล้วก็โชคดีมากๆ เลยค่ะ ตอนนี้ก็มีละคร 3 เรื่องเลย ก็มีช่อง 3 ก็มี "รักหลงโรง" เล่นคู่กับพี่ "เต๋า ภูศิลป์" ซึ่งพระนางเรื่องนี้ก็จะเป็นน้อง "มิ้นต์ ชาลิดา" และพี่ "ท็อป จรณ" เราก็จะเป็นคู่สอง ก็จะเป็นเกี่ยวกับลิเก ซึ่งก็จะเป็นตัวตนของซายอยู่แล้ว เพราะซายเป็นลูกลิเกอยู่แล้ว แล้วก็ต้องขอบคุณพี่ "นก จริยา" ด้วย ที่เห็นความสามารถและก็ให้หนูไปเล่นละครเรื่องนี้ค่ะ
อย่าง “รักหลงโลง” เราได้มีโอกาสสอนเรื่องลิเกให้น้องมิ้นต์ค่ะ มิ้นต์ก็โทรมาหา พี่ซายมาหาหนูหน่อย มาซ้อมลิเกให้หนูหน่อย หนูก็ไปบ้านน้อง บางทีน้องก็มาบ้านหนู คือน้องมิ้นต์เขาจะมีพื้นฐานทางด้านของการรำ แต่การร้องลิเกมันก็ถือว่ายากมากๆ เลยต้องฝึกฝนกันเยอะหน่อยน้องไม่ถนัดเลย แต่ว่าน้องมีความพยายามมาก แล้วก็ตั้งใจ และน้องก็เป็นคนหัวไว สอนนิดเดียวก็ทำได้ ทำได้ดีด้วย ตอนนี้ก็อยู่ที่การฝึกฝน เพราะน้องก็เรียนด้วย เล่นละครด้วย มันก็ไม่ค่อยมีเวลา
แล้วก็มีช่อง PPTV ของอาเป็ด เชิญยิ้ม นะคะ ตอนที่เราประกวดเขาก็บอกว่าซายมีความสามารถเยอะ เขาก็เลยให้เรามาเป็นนางเอกเลยค่ะ เรื่อง "มนต์รักสองฝั่งคลอง" เรื่องนี้ก็จะเล่นคู่กับพี่ "ปอ อรรณพ" ก็เคมีตรงกันมาก ด้วยความที่เป็นลูกทุ่งเหมือนกัน และเขาเป็นคนเฮฮา คือละครเรื่องนี้จะออกแนวคอมมาดี้ ตลกๆ สนุกสนาน ก็มีความสุขมากกับละครเรื่องนี้ ทีมงานก็น่ารัก ทีมงานก็จะเป็นทีมก่อนบ่ายหมดเลย ทำงานกับตลกก็เฮฮามาก อาเป็ดก็เอ็นดู รู้สึกว่าอีกสองเดือนก็ใกล้เสร็จแล้วค่ะ เพราะก็เป็นละครที่ค่อนข้างรวบรวมศิลปินชั้นนำ แล้วคิวก็ไม่ค่อยได้ จริงๆ ต้องเสร็จตั้งแต่เดือนหน้า แต่ต้องเลื่อนไปอีก เพราะเดี๋ยวสงกรานต์ก็ต้องติดอีก แต่ว่าออนแอร์น่าจะประมาณมิถุนายนค่ะ
จริงๆ เรื่องนี้ ในเรื่องก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ถึงกับเป็นนักร้องหรือว่าเป็นลิเก ก็ดำเนินเรื่องด้วยความที่แบบว่าบ้านเรากับบ้านพระเอกไม่ถูกกัน เราต้องทำยังไงก็ได้ให้คนทั้งสองหมู่บ้าน หรือพ่อของเราทั้งสองคนกลับมารัก มาสามัคคีกัน ก็เหมือนแบบสะท้อนถึงสังคมปัจจุบัน ก็อยากให้เรารักกัน ก็เป็นละครทั่วไป ไม่ถึงกับเป็นละครเพลง และอีกอย่างนึงที่พิเศษคือเรื่องนี้ซายได้ร้องเพลงประกอบละครด้วย ยังไงก็ขอฝากติดตามด้วยค่ะ
ส่วนที่ต้องประกบนักร้องต่างเวทีอย่าง “ปอ AF” ก็รู้สึกดีใจค่ะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะมาจากต่างเวที แต่เราเป็นนักร้องประกวดเหมือนกัน มีความฝันเหมือนกัน พอวันนึงแบบเราได้มาทำงานด้วยกัน เราก็ค่อนข้างที่จะคุยกันรู้เรื่อง แล้วก็เคมีตรงกันด้วย คือปอเขาเป็นคนน่ารัก เวลาต่อบท ตอนแรกก็เขินเหมือนกัน เพราะมันจะมีแบบฉากเลิฟซีนเยอะมาก แต่เป็นเลิฟซีนน่ารักๆ นะคะ ไม่ได้อะไรมากมาย คือในเรื่องเราต้องสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้เราต้องเหมือนว่าเราสนิทกัน แล้วทีนี้พอได้รู้จักเขา ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก แล้วก็คล้ายๆ กับเรา เป็นเด็กประกวดเหมือนกันด้วย ที่สำคัญเค้าก็ติดตาม KPN และก็ได้ดูตอนที่เราประกวด เราก็แบบเล่าให้ปอฟัง ว่าเราก็ดูปอเหมือนกัน แล้วเขาก็แบบน่ารักค่ะ ถึงเขาจะเป็น AF ก็จริง เขาก็ติดตาม และก็ดูผลงาน KPN เหมือนกัน แล้ว KPN ก็ติดตาม AF ด้วยเหมือนกันค่ะ หนูว่าทุกคนก็เปิดกว้างกันหมดแล้ว ถึงแม้จะต่างค่ายแต่ก็ยังสามารถร่วมงานกันได้ รักกันได้ สามัคคีกันได้ค่ะ แล้วปอก็น่ารักด้วยค่ะ จริงๆ เราก็สนิทกับ AF หลายคนมาก พี่หนิมด้วย พี่ไทน์ด้วย ก็รู้สึกว่าถึงคนละค่าย แต่เราก็มีคุยไลน์กัน ปรึกษากันบ้างกับพี่หนิม เราก็รู้สึกว่าแฮปปี้กับการทำงาน ถึงจะต่างค่ายแต่เราก็โอเคกันนะ
อีกทั้งยังมีเรื่องที่เตรียมถ่ายต่อกันเลย คือเรื่อง "ลิเกเล่ห์รัก" ทางช่อง PPTV เหมือนกัน ส่วนพระเอกจะเป็นใครนั้นก็ต้องรอดูอีกที ละครเรื่องนี้ก็ตอนนี้คุยกับผู้ใหญ่แล้วเหลือแค่คอนเฟิร์มอีกทีนึง
ส่วนเรื่องที่สามจะเป็นทางช่อง 7 ค่ะ พี่อัษฎาวุธ เหลืองสุนทรก็เห็นว่าเราร้องได้ เต้นได้ ก็เลยให้เราไปเป็นนักร้อง แดนเซอร์ในละครเรื่อง “นางฟ้าเปื้อนฝุ่น“ ก็น่าจะออนแอร์เร็วๆ นี้ทั้ง 3 เรื่อง ออนภายในปีนี้แน่นอน
ทุกเรื่องเป็นแนวที่เราชอบหมดเลย ถือว่าเป็นงานถนัดเลย ก็สองเรื่องจะเป็นร้องเพลง และอีกเรื่องจะเป็นลิเก ซึ่งแบบว่าเราก็ถนัด ถือว่าคาแรคเตอร์ตรงด้วย ผู้ใหญ่ให้โอกาส ก็ขอบคุณมาก พอลงจากเวทีปุ๊บ ได้งานละครปั๊บ ก็รู้สึกดีใจมาก
ด้านเรื่องความรัก ก็มีคุยๆ บางทีมันก็ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เราก็รู้สึกว่าบางทีพอเรารู้สึกเฟลกับมันมากๆ เวลาเรามีงานมาเยอะๆ เราก็รู้สึกว่าเราโชคดีมากเลยนะ ที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ เราก็ควรจะโฟกัสกับงาน กับครอบครัวก่อน ให้ทุกอย่างมันพร้อม มันสมบูรณ์แบบในเรื่องของชีวิตการทำงานก่อน เราถึงจะค่อยไปคิดอีกทีนึงดีกว่า ก็เหมือนเป็นเพื่อนๆ กัน คุยๆ กัน ก็ในวงการนี่แหละค่ะ ก็คุยๆ เป็นเพื่อนกัน ในไอจีก็มีลงรูปอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็รู้เองว่าใคร