“ชาร์เลท” สู้สุดตัว! สวมบท “ตังเม” เครียดที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมา

“ชาร์เลท” สู้สุดตัว! สวมบท “ตังเม” เครียดที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมา

    เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่พิสูจน์ให้เห็นว่านักแสดงรุ่นเล็ก “น้องชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา” ผู้รับบท “ตังเม” เด็กเก็บกด ครอบครัวมีปัญหา ถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเองในละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด” นั้นสามารถแสดงให้เห็นว่าฝีมือทางการแสดงเกินกว่าวัยจริงๆ ของเด็ก 11 ขวบ เพราะเธอนั้นเล่นได้ดีจนทำเอาคอละครอินไปตามๆ กัน ล่าสุดทางมีโอกาสได้พูดคุยกับทางคุณแม่ของน้องชาร์เล็ทก็ได้เผยถึงการทำงานของน้องให้ฟังว่า 

    จะมีข้อตกลงระหว่างแม่กับน้อง กฎข้อแรก คือ ชาร์เล็ทอยากทำงานจะต้องไม่ทิ้งเรียนไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ก็คือเราจะต้องควบคู่กันไปด้วย เมื่อใดที่การเรียนตก เราบกพร่องในจุดส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นหน้าที่สำคัญของหนูเพราะฉะนั้น วิธีการแก้ปัญหาก็คือ เช่นวันไหนที่เราไมได้ไปโรงเรียน พี่สาวเขาอยู่โรงเรียนเดียวกัน พี่สาวก็จะเป็นคนเอาการบ้านกลับมาที่บ้าน เราก็ต้องมานั่งทำการบ้าน เพื่อให้วันไหนที่ไม่ได้ไป พี่ก็จะเอาไปส่งหรือว่าในขณะที่น้องไม่ได้ไปเมื่อวานแต่พรุ่งนี้ไป ช่วงพักกลางวัน พักเบรก เขาจะต้องไปตามงาน วิชาต่างๆ ที่เขาไม่ได้เรียนและก็เวลาใกล้สอบ มีกองถ่ายจะไปถ่าย เราก็ต้องเอางานไปที่กองเพื่อจะได้ไปติวข้อสอบก่อนสอบ คือถามว่าดีที่สุดมั้ย ก็จะพยายามให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ให้เขารู้ว่านี่คือหน้าที่ของเขาแต่ถ้าหนูอยากถ่ายละคร จำเป็นต้อง keep คุณภาพการเรียนของหนูไว้ด้วย

     น้องเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะไฮเปอร์ค่ะ เธอจะต้องมีกิจกรรมทำตลอดเวลา ถามว่าเหนื่อยมั้ย มีบางช่วงที่เหนื่อยตอนที่ถ่าย six sense ช่วงนั้นเนื่องจากเธอเป็นผี ช่วงเวลาถ่ายจะเป็นช่วงกลางคืน ก็อาจจะมีบ้าง แต่ก็ยังข้อดีของน้องอย่างนึงคือต่อให้เลิกตี 5 เขาก็ยังมีความรู้สึกว่าต้องไปโรงเรียนค่ะ เขาค่อนข้างรับผิดชอบเรื่องการเรียน อันนี้แม่ไม่ค่อยห่วงเลยเรื่องเรียนเพราะเธอรับผิดชอบจริงๆ

     ตอนนี้มีละคร “วัยแสบสาแหรกขาด” ที่ถ่ายอยู่ที่รับบทเป็น “ตังเม” แล้วก็มี “บุษบาเร่ฝัน” ต่อ แล้วก็ “เดือนประดับดาว”ของพี่ “โดนัท” แม่ต้องขอบคุณมากๆ เลย สำหรับโดยเฉพาะเรื่อง วัยแสบสาแหรกขาด กับบทตังเมที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีแล้วก็เข้ามาดูน้อง เข้ามาคอมเมนต์น้องเราก็เป็นกำลังใจที่ดีมาก เพราะว่าแม่ทราบว่าละครที่น้องเล่นทุกเรื่องไม่เท่าเรื่องนี้ เรื่องนี้เขาเครียดที่สุด และกังวลที่สุดเพราะเขาไม่คิดว่าจะยากขนาดนั้น พอได้ไปลงเล่นจริงๆ เขารู้เลยว่าคือต้องบอกว่าทั้งน้ำตาและแทบจะกอดคอร้องไห้กันสองแม่ลูก สู้มั้ยลูก หนูสู้ค่ะ ยังไงหนูก็สู้ แล้วพอผลตอบรับที่กลับมาจากทุกคนเวลาทักไลน์เรา มันทำให้เรารู้สึกมันหายเหนื่อย มีความรู้สึกว่าเขาได้สามารถแสดงศักยภาพบางส่วนที่เขาไม่เคยทำเลยออกมาให้ทุกคนได้เห็น แล้วทุกคนให้การต้อนรับอย่างดี ขอบคุณมากๆ