จำได้มั้ย? "เมจิ” พิธีกรดังรายการ “ทีนทอล์ค” ตอนนี้เป็นไงบ้างต้องอ่าน!

จำได้มั้ย? "เมจิ” พิธีกรดังรายการ “ทีนทอล์ค” ตอนนี้เป็นไงบ้างต้องอ่าน!

    ทุกวันนี้วงการบันเทิงมีเหล่าดารา นักแสดง นักร้อง ดาวรุ่งดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นมากหน้าหลายตา ซึ่งนอกจากจะมีหน้าตาที่ดีแล้ว ก็จะต้องฝึกฝนพัฒนาฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเวลาและความนิยมแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกัน จึงทำให้มีคนบันเทิงหลายคนนั้นเลือกที่จะเฟดตัวไปทำงานด้านอื่นตามที่ฝัน และทาง "ดาราเดลี่" ก็อยากจะย้อนวันวานถึงบรรดาดาราที่อยู่ในใจของแฟนๆ แต่อาจจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาในวงการบันเทิงตอนนี้

     โดยวันนี้เราก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับดาราสาว "เมจิ อโณมา ศรัณย์ศิขริน" ที่เป็นที่รู้จักในฐานะพิธีกรคนเก่ง ซึ่งเธอก็เล่าถึงช่วงที่หายไปจากวงการบันเทิงให้ฟังว่า ที่ห่างหายไปนานก็ตอนนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้า-ส่งออกยาให้กับสัตวแพทย์ทั่วประเทศของพี่กับสามี และมีงานอดิเรกที่เกี่ยวกับเรื่องออกกำลังกายผ่านทางอินสตาแกรม

     เรื่องเกี่ยวกับการสร้างซิกส์แพ็คนาน มันเกิดจากการดูแลรูปร่างมากกว่าค่ะ มันเกิดจากการที่เราควบคุมอาหารทั้งหมดโดยรวม ซิกส์แพ็คถึงจะออก บางคนไม่เข้าใจไปเล่นหน้าท้องเพื่อจะหวังให้เกิด แต่ว่าไม่ควบคุมอาหาร มันก็จะไม่เห็นอะไร ก็คล้ายๆ กับว่ามีดวงอาทิตย์แต่มีเมฆบังนะคะ บางคนมีความเชื่อที่ผิดๆ เข้ายิมบ่อยๆ เพื่อเล่นหน้าท้อง แต่ความจริงแล้วไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ แค่ควบคุมอาหารและออกกำลังหายให้เหมาะสม พอร่างกายมันมีไขมันน้อยมันก็จะเห็นผลเอง 

     จริงๆ คงไม่ได้เฟดออกจากวงการด้วยความตั้งใจหรอกนะคะ แต่พี่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปตามวงจรของชีวิตมากกว่า ดาราบางคนอาจจะอยู่ได้นาน แต่ว่าด้วยเนื้องานของตัวเราเองด้วยที่ไม่ได้เป็นนักแสดง เราเป็นพิธีกร และอีกอย่างนึงในช่วงนั้นด้วยที่มีจังหวะชีวิตอะไรหลายๆ อย่าง จริงๆ เราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะออกจากวงการ แต่มันก็เฟดของมันมาเอง เราก็เข้าใจว่าวันนึงมันก็จะต้องมีเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนรุ่มเก่า เราก็เข้าใจระบบตรงนี้ เราก็เลยหันมาตั้งใจทำงานกับอะไรที่เราถนัดพร้อมกับความรู้ที่เรามีมันก็โอเคกว่า 

     ถ้ากลับมาคงไม่แล้วค่ะ เพราะพี่คิดว่างานที่ทำอยู่ตรงนี้ก็โอเคแล้ว และเราเองก็โตไปตามวัย อีกอย่างก็คือในเนื้องานที่เราทำอยู่ตรงนี้ เราก็ต้องเต็มที่คงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ความจริงก็มีคนติดต่อเข้ามาบ้างเหมือนกันในเรื่องของงานพิธีกรประจำ แต่ว่าเราคิดว่าคงไม่สะดวก เพราะว่าเราต้องดูแลงาน มีอะไรหลายอย่างที่เราต้องดูแล งานบันเทิงถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตช่วงนึงมากกว่าที่เราได้มีโอกาสเข้ามา  และวันนึงเราก็ต้องปลดระวางมัน เรามองในลักษณะนั้น เหมือนนักกีฬามวยที่คงจะไม่สามารถต่อยมวยได้ตลอดไป  

     ขอบคุณแฟนคลับ เพราะว่าตอนนี้ที่เราทำ instagram ก็ยังมีแฟนคลับมาคอยติดตาม คอยคอมเมนต์ให้ว่าติดตามเรามาตั้งแต่สมัย Teen Talk ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ และถ้าหากว่าใครที่ยังอยากติดตามเราอยู่ก็สามารถทำได้ผ่านทาง Instagram ที่เราทำเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ การออกกำลังกาย และแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ในอนาคตก็ยังจะมีเว็บไซต์ของตัวเองด้วย ซึ่งเพื่อนๆ ก็จะสามารถเข้ามาดูได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Lifestyle หลักการกิน การออกกำลังกาย การออกไปกินอาหารข้างนอก และทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับการทำให้สุขภาพดี

     ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถ้าหากว่าจะทำธุรกิจเราก็ควรจะศึกษาหาความรู้ทางด้านนั้นๆ ก่อน ตัวอย่างเช่น หากเราจะเปิดร้านอาหารและไม่เคยเปิดมาก่อน ก็ควรลองเข้าไปทำที่ร้านอาหารคนอื่นดูก่อน เพื่อที่ว่าเราจะได้เห็นถึงปัญหาและวิธีการทำงาน เราจะได้เห็นภาพมากกว่าความคิด อีกทั้งจะทำให้เราได้รู้ว่านี่คือทางของเราหรือไม่ และเมื่อเราเจอปัญหาแล้วเราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันรึเปล่า เพราะการทำงานคือการแก้ปัญหา ทุกปัญหาคือเนื้องานที่เราจะปฏิบัติจัดการ เมื่อเรารู้ล่วงหน้าแล้วว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร เราก็จะได้ไม่ต้องลงทุนโดยเสียเปล่า 

     ท้ายสุดก็ขอฝากคติประจำใจ สำหรับเราหนึ่งเลยคือเรื่องของการวางแผน ในทุกๆ วันเราจะไม่ทำงานแบบ day by  day เราจะวางแผนอย่างน้อยล่วงหน้าสำหรับสัปดาห์หน้า เพื่อที่เราจะได้เวลาว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง สองคือเรื่องของการเรียนรู้พัฒนา อย่างที่บอกว่าถึงแม้ว่าคุณจะมีปริญญาโทในเรื่องของการจัดการ แต่การเรียนรู้คือการเรียนรู้สิ่งรอบข้าง คนที่เก่งคือคนที่รับรู้ว่าการเรียนรู้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับคนอื่นหรือการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า สามคือเรื่องของปัญหา งานทำงานทุกๆ อย่างมันจะต้องเจอปัญหาอยู่แล้ว ขออย่าให้เราไปโฟกัสที่ปัญหา ให้เราโฟกัสในภาพองค์รวมว่ามันยังดีอยู่รึเปล่า เพราะถ้าหากว่าเราไปโฟกัสที่ปัญหาๆ เดียว มันจะทำให้งานอื่นล้มทั้งระบบ หัดรู้จักมองให้กว้าง อย่ามองอะไรเล็กๆ เราอาจจะโฟกัสที่ปัญหาได้ แต่อย่าไปเคร่งเครียดกับมันมากเกินไป ให้มองจุดที่มันยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ด้วยอย่ามองแต่จุดด้อยที่ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเดียว ในบางครั้งจุดด้อยมันอาจจะคลี่คลายไปเองก็ได้