เหตุผลชวนอึ้ง! "ทราย วรรณพร" ขอหันหลังให้วงการเพราะรู้สึกทรมานร้องไห้ทุกวัน
ทุกวันนี้วงการบันเทิงมีเหล่าดารา นักแสดง นักร้อง ดาวรุ่งดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นมากหน้าหลายตา ซึ่งนอกจากจะมีหน้าตาที่ดีแล้ว ก็จะต้องฝึกฝนพัฒนาฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเวลาและความนิยมแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกัน จึงทำให้มีคนบันเทิงหลายคนนั้นเลือกที่จะเฟดตัวไปทำงานด้านอื่นตามที่ฝัน และทาง "ดาราเดลี่" ก็อยากจะย้อนวันวานถึงบรรดาดาราที่อยู่ในใจของแฟนๆ แต่อาจจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาในวงการบันเทิงตอนนี้
โดยวันนี้เราก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับอดีตดาราดาราดัง "ทราย วรรณพร ฉิมบรรจง" ที่เข้าวงการจากการประกวดเวทีวัยรุ่น มิสทีนไทยแลนด์ และโด่งดังสุดขีดจากเรื่อง "แม่ย่านาง" ซึ่งเธอได้เล่าถึงชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่า
ก็ผันตัวมาทำงานศิลปะ และก็ได้ไปเรียนต่อที่อินเดียประมาณสองปีกว่า จริงๆ แล้วตอนเริ่มทำงานในวงการบันเทิงเป็นเพราะความฟลุ๊คมากกว่า อาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นหน้าตาเข้ากับวงการเลยได้ตำแหน่ง Miss Teen Thailand แล้วก็เป็นช่วงหาเงินด้วย ก็เลยทำงานทุกอย่างเท่าที่ทำได้ พร้อมกับได้ไปแคสติ้งโฆษณาด้วย แต่ว่าความฝันจริงๆ ของเราไม่ใช่การเป็นดารา เพราะลึกๆ ของเราแล้วเป็นคนชอบงานศิลปะ ชอบอ่านหนังสือ ซึ่งอาจจะมีความคิดที่ต่างจากคนอื่นเล็กน้อย พอถึงจุดๆ นึงที่เราคิดว่าเราน่าจะดูแลตัวเองได้แล้ว คือจุดที่เราคิดว่าเราน่าจะลาออกจากวงการบันเทิงได้แล้ว เพราะว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่จะเกิดมาเป็นดาราอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตที่เป็นดารา ที่สื่อมาถ่ายรูป หรือมีคนมาขอลายเซ็น
ซึ่งทรายทำศิลปะช่วงที่ยังเป็นดาราอยู่ด้วย ก็จะมีทั้งการวาดรูป และการออกบูธ ออกงานที่ตัวเองรักอยู่ แล้วพอถึงจุดที่เราแข็งแรงและออกจากวงการมาได้ จริงๆ ตอนนั้นเรายังเป็นนางเอก และมีสัญญาอยู่อีก 2-3 ปี เราก็ได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ขอออกมาเพราะว่ามันทรมาน จำได้ว่าตอนที่ทำงานถ่ายละคร เรารู้สึกทรมานจนขับรถกลับบ้านร้องไห้ทุกวันเลย
ส่วนตอนนี้สนุกมากเลยค่ะ หลังจากที่ออกจากวงการมาก็เริ่มมาทำงานของตัวเอง จริงๆ เราไม่ได้มายที่ตัวเองจะต้องเป็นคนดังหรืออะไร เราแค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวที่ตัวเองมีความสุข สมมติว่าถ้าเราไม่มีงานทำจริงๆ เราก็อาจจะไปเปิดร้านขายอาหาร มันก็จะเป็นร้านที่อร่อยที่สุด เพราะว่าเราจะใช้ใจทำ เราไม่ได้ต้องมีเงินเยอะๆ เราไม่ได้สนตรงนั้น แต่เราจะไม่เป็นปัญหาของสังคม เราจะต้องดูแลตัวเองได้
แรงบันดาลใจที่จะก้าวออกมาจากวงการมันไม่มีหรอกค่ะ มันแค่รู้สึกว่าสุขหรือไม่สุข เราจะตอบตัวเองได้ว่าเรามีความสุขในสิ่งที่ทำรึเปล่า และพอเราไม่มีความสุข เราก็แค่เดินออกมาจากตรงนั้น คิดแบบนี้ค่ะ และศิลปะก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทำแล้วมีสมาธิและมีความสุข ก็เลยเริ่มขวนขวายเรียนรู้ด้วยตัวเอง จนไปเรียนต่อที่อินเดียเพื่อไปอยู่ในสังคมของศิลปะศิลปินล้วนๆ และรู้สึกว่าเราได้อะไรกลับมา จนกลับมาแล้วเปิด gallery ของตัวเอง เพื่อที่เราจะได้มีพื้นที่เล็กๆ ของตัวเองให้เราได้หายใจบ้าง
เรื่องคัมแบ็ควงการมีบ้างนะคะที่ไปออกรายการหรือไปเป็นพิธีกรบ้างให้วงการบันเทิงที่เขาขอมา แต่ก็ไม่ถึงกับหายไปเลย แต่ถ้าไปเล่นละครคงไม่มีทาง เพราะเราคงไม่สามารถที่จะกลับไปอยู่ตรงนั้นได้แล้ว จริงๆ เราเคยพูดไว้ประโยคนึงซึ่งจริงๆ เราก็เกรงใจคนที่อยู่ในวงการละครเหมือนกันว่าทรายรู้สึกว่ามันไร้สาระ ที่ต้องมานั่งทำให้คนดูรู้สึกว่าชีวิตมันเหมือนละครเกินไป บางทีทรายไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องมาทำให้คนโศกเศร้าเสียใจหรือหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล ขอโทษด้วยนะคะ แต่ว่าทรายรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะเราเคยเจอคนดูที่เขามีอารมณ์ตามละครไปจริงๆ เราเลยคิดว่าสังคมมันน่าจะพัฒนาไปมากกว่าความดราม่าในละครนี้ เราเลยไม่อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในความดราม่าตรงนั้น
ท้ายสุดฝากถึงแฟนๆ ทุกวันนี้ทุกคนเป็นดาราสามารถเปิดดู Facebook หรือ YouTube ได้ ถ้าหากว่าอยากที่จะรู้จักทรายมากขึ้นก็หาได้ใน Google ได้เลย แต่ว่าถ้าวงการละครคงจะไม่มีแล้วค่ะ บทชีวิตจากนี้ไปจะเป็นเรื่องจริงที่มากกว่าละครค่ะ