"อาย" เล่าความต่างและความแซบสองภาค คนติดลุคร้ายจากละครจนหนุ่มหื่นเข้าหา
"อาย วราไพรินทร์ ลภัสนิธิโรจน์" ตัวละครนางงามจากภาคแรกคนเดียวที่ได้มาเล่นใน "สงครามนางงาม 2" บอกละครเรื่องนี้เปลี่ยนชีวิต คนมองลุคร้ายต่างจากตัวจริงจนหนุ่มหื่นๆ เข้าหา
เป็นเพียงหนึ่งนางงามจากซีซั่นแรกที่มีโอกาสได้มาเล่นในละครเรื่อง "สงครามนางงาม2" สำหรับสาว "อาย วราไพรินทร์" หรือที่รู้จักในตัวละคร "บีบี" ซึ่งเธอก็ได้มาเล่าถึงความแตกต่างของ 2 ซีซั่น เบื้องหลังการทำงาน และเรื่องความรัก โดยสาวอายบอกว่า
ซีซั่น 2 ก็ดีค่ะ เพราะว่าหลายคนก็ติดตามเรามาตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว ก็อยากจะเห็นว่าภาค 2 บีบี จะเป็นยังไง จะยังทะเยอทะยานเหมือนเดิมจะยังร้ายกาจแค่ไหน
คาแรคเตอร์มีเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยค่ะ เพราะว่าด้วยความที่เราก็ยังมีความทะเยอทะยานเหมือนเดิม แต่เราก็อยากได้เงินรางวัลมากขึ้น เพราะเนื่องจากเพราะภาคที่แล้ว ได้ 5 ล้าน ก็ยังทำขนาดนั้น พอภาคนี้ได้ 10 ล้าน ก็ตั้งใจจะต้องเอาเงินรางวัลนี้มาให้ได้ แต่ด้วยความที่ตัวเองไม่สามารถประกวดได้แล้ว ก็ใช้ตัวแทนก็คือน้องเชอร์รี่ในภาค 2 ก็คือทำทุกอย่างเหมือนกัน เพื่อให้เด็กคนนี้ได้เข้าไปสู่จุดหมายปลายทาง ที่เราอยากได้ด้วยการให้ข้อมูลเดิมๆ อย่างที่ตัวเราเองเคยทำมาในภาคแรก สอนอะไรที่มันไม่ดีๆ ให้น้อง
ตัวละครเชอร์รี่ก็มีความคล้ายเราในภาคแรกอยู่ ในคาแรคเตอร์นะคะ ตอนแรกแอบตกใจเล็กน้อยตอนที่ได้ออดิชั่นกับเค้าตอนที่เค้าคัดมาแล้ว แล้วเค้าบอกว่าคนจะต้องเล่นกับเรา ภาพที่เราต้องต่อบทกับน้องมองหน้ากันคือนี่มันแววตาของฉันในภาคแรกแน่ๆ เลย คือรู้เลยคนนี้เค้าถึงได้มาเล่นคู่กับเรา เพราะเค้ามีความคล้ายเรา มีความเป็นเราในภาคแรก
ส่วนที่ซีซั่น 2 เราต้องมาไฟท์กับพี่เลี้ยงของเราเอง เหนื่อยที่สุด เป็นอะไรที่คิดหนักมาก เพราะปกติเราเล่นกับพี่บับเบิ้ลจะเป็นตัวช่วย เป็นตัวส่งเราตามประสา ชอบเล่นนอกบทอยู่แล้ว ด้วยความที่เราไม่ทันเค้า ยังคอยตามเค้าได้ แต่พอมาถึงจุดที่เราต้องไฟท์กันเองค่ะ บางทีเราต้องใช้พลังเยอะมาก ในการเล่นกับพี่บับเบิ้ล ออกมาทุกฉากเราเหนื่อยมาก บอกเลยค่อนข้างคิดหนัก
ส่วนเรื่องที่เป็นคนเดียวที่มาจากซีซั่น 1 ก็รู้สึกแฮปปี้นะ รู้สึกดีที่ว่าคนที่เค้ายังคิดถึงในซีซั่นแรกค่ะ ก็เหมือนเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ หลายคนเลยที่ได้มีโอกาสกลับมา ก็ตั้งใจจะทำตรงนี้ให้เต็มที่เพราะว่าแฟนคลับเค้าก็ยังถามถึงเพื่อนๆ หลายคน เค้าก็คิดถึงเพื่อนๆ นะ ไม่ได้แค่ๆ เราอย่างเรากลับมาบางทีเค้าก็ยังอยากเห็นเราจะเป็นยังไงต่อ จะยังเป็นคนเดิมไหม คิดได้ไหม ก็รู้สึกดีที่เรามาภาค 2 ยังมีความคิดถึงภาคแรกเลย คิดถึงเพื่อนคิดถึงภาพเก่าๆ คิดถึงเรื่องราวที่เราเคยร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ มา พอมาเห็นน้องๆ บางทีก็รู้สึกคิดถึงมีความรู้สึกนั้น ก็เข้าใจว่าทำไมคนดูถึงคิดถึงภาคแรก
ความยากง่ายของสองซีซั่น ด้วยความที่เราถูกแยกออกจากพี่จีจี้ แล้วความที่บีบีในภาคแรกมันจะมีความโก๊ะ ความเยอะ ความใหญ่ เล่นใหญ่ตลอด บางทีในภาคแรกมันมีเพราะมันมีตัวส่ง พอมาภาค 2 เราต้องตั้งรับ คือภาคแรกเราจะเล่นไว้เยอะๆ พอมาภาค 2 เรารู้สึกว่าความเยอะของเรามันแอบหายไป ด้วยความที่เราต้องใส่ให้น้อง คือจริงๆ เราต้องบิ้วท์ตัวเองให้เยอะขึ้นความคาดหวังผู้ใหญ่ เค้าก็อยากให้เราเต็มที่ เหมือนภาคแรกที่เราถูกใส่มาอย่างนั้น แต่เราต้องเยอะเหมือนพี่จีจี้ ซึ่งพี่จีจี้เป็นคนเล่นเยอะมาก บอกเลยว่าทุกครั้งที่ต้องเข้าฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากอะไร พี่จีจี้เป็นฉากที่เราจะต้องกลับมาเป็นบีบี ในภาค 2 เราใช้พลังเยอะมาก
การร่วมงานกับน้องๆ ถ้าเป็นในเรื่องของคนอื่น เค้าก็จะมีในเรื่องของคำปรึกษา ฟีดแบ็ค ของตอน 1 ตอน 2 ที่ออกไป แล้วบางทีโดนว่าเราก็บอกว่าเราเข้าใจ เพราะว่าเราเคยโดนตอนที่อยู่ภาคแรก เราโดนด่าคนแรกเลย แล้วค่อยอธิบายให้น้องฟังว่าตรงนี้มันเป็นกระแสละครเดี๋ยวพอตอน 2 ตอน 3 คนดูที่เค้าติดตาม เค้าก็จะมีเรื่องวิจารณ์ให้พูดถึงอยู่ตลอด เพราะว่าละครเราเป็นละครที่กระแสค่อนข้างดี ถามว่ากดดันไหม ไม่กดดันนะ เพราะว่าเชื่อมือผู้กำกับและคนเขียนบทอยู่แล้ว เพราะว่าเค้าเก่งมาก เขียนไปออนไปเลยนะบทนี้ เค้าก็จะดูว่าทำยังไงให้มันสนุก ให้มันดีกว่าเดิมอะไรอย่างนี้ค่ะ แค่เปิดฉากมาก็มีเลือด เสื้อหลุด ก็รู้สึกว่าภาคนี้แรงกว่าเดิม เพราะว่าเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ เค้าก็จะบอกภาคนี้น่ากลัวจังเลย
สำหรับภาพเซ็กซี่จากละคร กลัวคนติดนะคะ เพราะว่าภาพลักษณ์ที่ออกไปเป็นบีบีมันทำให้ทุกคนจำ แต่คนจำชื่อเราไม่ได้จะไม่แน่ใจว่า อาย คือใคร แต่พอคนพูดถึง บีบี สงครามนางงาม เค้าจะรู้ เพราะฉะนั้นหลายคนก็คิดว่า ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปหมดเลย คือชื่อเสียงจากการที่ได้เล่น สงครามนางงาม ของเราถูกถ่ายทอดออกไป มันเลยทำให้ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับที่ให้เราไปแคสละคร แคสซิทคอม พอไปถึงหลุดเลยบทนางเอก เค้าให้แคสบทอื่นแทน หลายคนที่รู้จักเรา ก็ชมเราว่าเล่นดี แต่หลายคนที่ไม่รู้จักก็จะรู้จักเราในภาพลักษณ์บีบี อันนี้ก็เป็นอะไรที่น่าเศร้าใจอยู่เหมือนกัน คือถ้าใครเป็นแบบบีบีได้น่ากลัวมากเลยนะ มันเป็นผู้หญิงที่เราไม่อยากเป็นค่ะ (หัวเราะ) หลายคนก็มองออกว่ามันเป็นเรื่องของการแสดง แต่ภาพลักษณ์ที่เค้ามองก็จะเป็นบีบีอยู่แล้ว
เราตัวจริงไม่มีความเป็นนางงามเลยค่ะ และก็ไม่ชอบการแข่งขันที่จะต้องขึ้นไปแบบเผชิญกับนางงามอะไรแบบนี้ เพราะตัวเองเป็นคนที่บางทีก็นิ่งๆ ได้ไม่นาน ไม่ใช่เป็นคนเป๊ะขนาดนั้น เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนางงาม ไม่ได้ถูกสอนที่จะให้เป็นนางงาม
ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะมากๆ เลยค่ะ แต่ก็ถือเป็นคำชม จากหลายฟีดแบ็คที่ตอบกลับมา ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ที่ด่า คอมเมนต์ที่อินกับละคร หรือเด็กๆ ที่อายุไม่ถึง 18 ปีก็ด่า (หัวเราะ) ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับฟีดแบ็คค่ะ
ด้านความรักในชีวิตจริง มือที่ 3 ไม่มีค่ะ มีแต่ในละคร ตอนนี้ก็โสดค่ะ ไม่ได้โฟกัสจะต้องมีแฟน คนที่เข้ามาทำความรู้จักก็เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพี่ที่ดี เพราะทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นด้วยมิตรภาพ ไม่อย่างนั้นถ้าเข้ามาเพื่อที่จะคบ เดี๋ยวมันจะเลือกผิด เดี๋ยวจะเจอคนที่ไม่ใช่ ก็เลยคิดว่าทุกความสัมพันธ์ให้เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนดีกว่าค่ะ บางทีรู้ว่าคนนี้จะมาจีบ มันก็เกร็ง เราก็ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าเค้าชอบเราจริงๆ หรือเปล่า เราชอบเค้าหรือเปล่า แต่ว่าบางคนเป็นเพื่อนกันก่อนก็โอเค ทำให้เรากล้าที่จะเปิด ค่อยๆ เปิดกับเค้า ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาคุยก็นอกวงการ
ประเด็นบีบีมีผลนะ คือหลายคนที่ไม่ค่อยรู้จักเรา เห็นเราเป็นบีบี บางคนก็เลือกที่จะเข้ามาแบบรุกๆ น่ากลัวเลยก็มี บางคนมาแบบหื่นๆ ก็มี เรารู้สึกว่าชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะ คนที่เข้ามาหาเราก็มีแต่แปลกๆ ก็เลยเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนดีกว่า หลายๆ คนส่วนมากก็จะเจอกัน เป็นเพื่อนของเพื่อนอะไรแบบนี้ เป็นเพื่อนกันก่อนแล้วก็รู้จักกัน แล้วเค้าก็จะรู้ว่าตัวจริงเราเป็นแบบนี้ ในละครจะอีกเรื่องนึง หรือบางคนไปดูละครแล้วรับไม่ได้ก็มี มีหลายแบบค่ะ
ท้ายสุดให้ฝากให้ติดตามสงครามนางงามภาค 2 แล้วก็เป็นกำลังใจให้น้องๆ ทั้ง 10 คนด้วย เพราะว่าทุกคนได้รับแรงกดดันจากทั้งหลายๆ ฝ่าย ทั้งคนดูที่ดูในภาคแรกแล้วหรืออะไรก็ตามแต่ ไม่เปรียบเทียบนะคะ เพราะว่าทุกคนมีคาแรคเตอร์แตกต่างโดดเด่นต่างกันอยู่แล้ว อยากให้มองในด้านการพัฒนาความสามารถ ไม่มีใครมาเล่นตอนแรกตอนสองแล้วดี และก็อยากให้ติดตามบีบี หรือว่าใครดูภาค 2 แล้วไม่เข้าใจ กลับไปดูภาคแรกเพื่อที่จะได้ดูภาค2 เข้าใจมากขึ้นนะคะ