เปิดโปรไฟล์ “หลิงหลิง ปิยะดา” หรือ “มิวมิว” ในละครสงครามนางงาม2
ล้วงลึกประวัตินักแสดงสาวจากละครสงครามนางงาม 2 “หลิงหลิง ปิยะดา อินทะวง” ก่อนเข้าวงการชื่อ “อานง อินทะวง” เปลี่ยนเป็น “หลิงหลิง” ตามละครที่ “ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์” เล่น
เป็นสาวประเภทสองคนเดียวบนเวที Miss Beauty and Talent Thailand 2016 สำหรับสาว “หลิงหลิง ปิยะดา” นางงามสาวชาวลาวผู้ครองมงกุฎ “รองอันดับ 2 Miss international queen 2014” นางงามสาวประเภทสองคนแรกในประวัติศาสตร์ชาวลาว และในละครเรื่องสงครามนางงาม ซีซั่น 2 นี้ เธอก็รับบทเป็น “มิวมิว” และถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวประเภทสองคนเดียวบทเวทีนี้แต่ด้วยความสวยหวาน หน้าคมของเธอ ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นจนหลายๆ คนจับตามองได้ไม่ยาก อีกทั้งเธอยังเป็นนักแสดงที่มียอดฟอลโลว์ในอินสตาแกรมสูงที่สุดในบรรดานักแสดงหลักทั้ง 10 คนอีกด้วย โดยวันนี้ “ดาราเดลี่” ก็จะพาชาว “ddsocial” มารู้จักกับเธอกัน
“หลิงหลิง ปิยะดา อินทะวง” สาวประเภทสองชาวลาว เธอมีน้องสาวหนึ่งคนกำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศจีน คุณพ่อของเธอเป็นคุณหมอเกี่ยวกับโรคไต และคุณแม่เป็นคุณหมอตรวจภายใน ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ชื่อ “หลิงหลิง” แต่เธอชื่อว่า “นายอานง อินทะวง” และด้วยความที่เธอชื่นชอบนางเอกสาวประเภทสองรุ่นพี่อย่าง “ปอย ตรีชฎา” เพราะสาวปอยนั้นสวย เก่ง แล้วก็เป็นสาวประเภทสองคนแรกที่สามารถทำให้คนทั้งโลกยอมรับในตัวสาวประเภทสองมากขึ้น และตอนที่เธอได้ดูละครที่สาวปอยเล่น ในเรื่อง “หมวยอินเตอร์” เธอจึงได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น “หลิงหลิง” ตามตัวละครที่สาวปอยรับบทบาท
เธอค้นพบตัวเองว่าอยากจะเป็นผู้หญิงตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การประกวดนางงามเป็นความใฝ่ฝันของเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มไว้ผมยาว แล้วก็ไปทำจมูก ฉีดโบท็อกซ์ ฟีลเลอร์ และพออายุประมาณ 20 เธอก็ได้ตัดสินใจไปทำหน้าอก โดยปัจจุบันเธอก็ได้ผ่าตัดแปลงเพศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหตุผลที่เธอตัดสินใจแปลงเพศก็เพราะเธออยากเป็นผู้หญิงเต็มตัว เธอมีความรักกับหนุ่มต่างชาติ แต่การแปลงเพศครั้งนั้นทำให้เธอต้องเลิกกับคนรักจนเกือบฆ่าตัวตายจากความเสียใจ
เธอเริ่มเข้าวงการในการประกวด Miss international Queen 2014 จากการชักชวนของช่างแต่งหน้าชื่อดัง “ชาติ นพกร” ผู้ที่ผลักดันและส่งประกวดสาว “ปอย ตรีชฎา” เข้าประกวดมิสทิฟฟานี่ 2004 ซึ่งในครั้งนั้นเธอได้ให้เหตุผลไว้ว่าที่เธออยากชนะการประกวดเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนให้สาวประเภทสองที่ลาวได้มีจุดยืนในสังคม เนื่องจากสังคมในประเทศลาวยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องนี้ และเธอก็ยังเป็นสาวประเภทสองคนเดียวที่ได้ใส่ผ้าซิ่นในประเทศลาวไปเรียนอีกด้วย