“ซีแนน” เขินจริง! เลิฟซีน “ออร์แกน” แง้มหัวใจมีคนคุยอยู่ไม่เคยปิด!
“ซีแนน กุลธิดา พริ้่งเกษมชัย” เผยบทหญิงรักหญิงตรงชีวิตจริง ดีใจกระแส “สงครามนางงาม ซีซั่น 2” ตอบรับดี แง้มหัวใจมีคนคุยอยู่ไม่เคยปิดบังใคร
เป็นอีกหนึ่งสาวสวยจากละครสุดแซบ “สงครามนางงาม ซีซั่น2” อย่างสาว “ซีแนน กุลธิดา” ที่ตอนนี้เธอได้ก้าวเข้าสู่วงการเต็มตัวกับบทบาทที่ตรงกับชีวิตจริง นางงามเลสเบี้ยน ถึงแม้ละครจะออนแอร์ออกไปเพียงไม่กี่ตอน แต่กระแสจิ้นของเธอกับ “ออร์แกน ราศี” และ “แอปเปิ้ล ลาภิสรา” ก็ขึ้นแฮชแท็กเต็มโซเซียล งานนี้เราก็ไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์สาว “ซีแนน” ก็ได้เล่าถึงการทำงานและฟีดแบ็คเรื่องนี้ว่า
ตื่นเต้นค่ะ เราก็ไม่คิดว่างานในวงการจะหนักขนาดนี้ ตอนที่เราเป็นคนดูทางบ้านก็เข้าใจว่าการเป็นนักแสดงก็จะได้แต่งตัวสวยๆ เดินเข้าฉากพูดๆ แล้วก็เสร็จ ก็น่าจะไม่มีอะไรมาก แต่พอได้เข้ามาในวงการจริงๆ ทุกๆ อย่างที่เราได้เรียนรู้ก็คือพี่ๆ ทุกคนทำทุกอย่างอย่างเต็มที่จริงๆ พอเราได้เห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เราอยากตั้งใจทำงานให้มากขึ้น สิ่งที่หนูชอบที่สุดในการอยู่วงการนี้คือการที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และการที่ได้พบปะผู้คน แต่ละคนก็จะมีทัศนคติและความคิดที่แตกต่างกัน พอเราได้แลกเปลี่ยนความคิดกันก็ทำให้เรารับรู้มากขึ้นว่าควรจะใช้ชีวิตยังไง ทำอะไรต่อไป เหมือนตอนที่เราเรียนมหาวิทยาลัยเราก็จะเจอแต่เพื่อนๆ ของเรา ไม่ได้ไปเจอคนอื่นๆ แต่พออยู่ในสังคมที่โตขึ้นก็ทำให้เราได้รู้ว่าชีวิตของเรานั้นควรจะเดินไปในทิศทางไหน ก็รู้สึกกดดันค่ะ เพราะว่าตอนที่แคสในรอบท้ายๆ ก็ไม่มีคนอีสานเหลือแล้ว จะเหลือแค่หนูคนเดียว และคนที่เหลือก็จะเป็นคนภาคกลางภาคเหนือ เราก็ค่อนข้างที่จะกดดัน เพราะเหมือนเพื่อนๆ เราไปกันหมดแล้วและเราก็ไม่ค่อยกล้าที่จะคุยกับคนที่เราไม่สนิทด้วย ก็เลยทำให้เราไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เพื่อนๆ ประกอบกับทางบ้านเองก็ตั้งความหวังเอาไว้กับเราเยอะด้วย แต่พอเราทำได้และได้มาอยู่ในจุดนี้ เราก็พยายามที่จะทำมันให้เต็มที่ อย่างเช่นเรื่องการเรียนเราก็ดร็อปไว้ก่อน เพราะว่าไม่อยากให้เอามาปะปนกับเรื่องงาน เราก็ตั้งใจที่จะทำงานตรงนี้ออกมาให้ดีที่สุด
และเราเองก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย เราเลยไปกลับที่มหาวิทยาลัยทุกอาทิตย์ก็ไม่ไหว สำหรับกระแสตอบรับก็รู้สึกดีใจค่ะที่ได้กลับมาดี เราก็ไม่คิดว่าจะมีคนชื่นชอบเราและรู้จักเรามากขนาดนี้ เหมือนช่วงนี้ก็จะมี #ทีมเมียอลิซ #ต่ายน้ำ #อลิซน้ำ ไปไหนก็จะเริ่มมีคนเข้ามาทัก เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น แต่หนูก็ค่อนข้างที่จะอายมากกว่า เพราะเมื่อก่อนอยากไปไหนเราก็ไปก็ไม่ได้มีใครมารู้จักเรา แต่ก็ทำให้เราคิดระวังตัวเองมากขึ้นด้วยเหมือนกันว่า เดี๋ยวนี้เวลาจะไปไหนก็จะต้องแต่งตัว แต่งหน้า ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะออกจากบ้านหน้าสดได้เลย ก็จะมีคนถามบ่อยว่าเวลาที่เล่นกับพี่ออร์แกนเขินจริงหรือเปล่า ก็ต้องยอมรับเลยค่ะว่าเขินจริง เพราะว่าตอนที่เราเล่นเราไม่ได้คิดว่าเราเป็นเรา เราคิดว่าเราเป็นลูกน้ำ และเราก็จะรู้จุดประสงค์ว่าเป็นยังไง รู้สึกยังไง ทำให้การแสดงที่ออกมานั้นจริงทุกอย่าง ถ้าจะเด่นที่สุดในบทหนูก็น่าจะเป็นการที่ผู้หญิงรักผู้หญิงค่ะ เพราะว่าเพื่อนคนอื่นเขาจะมีคู่ที่เป็นผู้ชาย แต่ว่าของเราก็จะแหวกแนวจากคนอื่นหน่อย และด้วยคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างตรงนี้ก็จะทำให้คนดูเขาจำเราได้มากขึ้น
วันแรกเลยที่รู้ว่าจะได้เล่นก็เจอกับน้อง “แอปเปิ้ล” แล้วพอได้อ่านบทปุ๊บก็ตื่นเต้นว่าจะได้เล่นกับพี่ “ออร์แกน” ด้วย ก็เลยทำให้เราได้รู้ว่าเราจะได้มี 2 คู่ ตอนแรกๆ ทำงานก็รู้สึกเกร็งค่ะ แต่พี่ออร์แกนกับพี่ลูกเกดก็คอยให้คำปรึกษา ทำให้การทำงานมันผ่านมาได้อย่างราบรื่น พี่ออร์แกนซื้อขนมมาฝาก ก็รู้สึกประทับใจค่ะ เพราะว่าพี่เขาคงกลัวว่าเราเกร็ง พอทำแบบนี้ก็ทำให้เราสนิทและไว้ใจกันมากขึ้นในการเล่นละครให้มันดูเป็นธรรมชาติ ส่วนตอนที่เราเข้ามาเรียนการแสดง คุณครูเขาก็จะดูว่าเด็กแต่ละคนนั้นมีลักษณะยังไง แสดงไปได้ในทิศทางไหนบ้าง แล้วก็เหมือนกับพวกพี่ๆ ก็จะเริ่มถามประวัติส่วนตัวด้วย เวลาที่แคส “พี่ป้อม” ก็ลังเลอยู่ระหว่างหนูกับน้องกิ่งว่าจะให้ใครเป็นบทเลสเบี้ยนดี หนูก็เลยบอกเขาไปตรงๆ เลยว่าหนูอยากเล่นบทนี้และคิดว่าถ้าเล่นบทนี้จะทำออกมาได้ดีกว่า เขาก็เลยให้หนูลองแคสกับพี่ออร์แกนกับน้องกิ่ง และผลสรุปก็คือเราได้บทนี้ ซึ่งเราเป็นคนที่ไม่อ้อมค้อมอย่างที่เราเป็นเลสเบี้ยนก็ยอมรับ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้นเลย เพราะเราคิดว่าถ้าเรามัวมาแต่ปกปิดวันนึงมันก็อาจจะหลุดออกมาจากปากของเราเองว่าเราไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราเคยพูด เราก็แค่อยากให้คนดูรู้สึกได้ว่าเราคิดแบบนี้ เราทำทุกอย่างออกมาจากความจริงใจจริงๆ คือตอนแรกก็ไม่ได้ชอบเลยนะคะ เพราะจริงๆ เราเองก็เคยคุยกับผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่าพอมาอยู่ ณ จุดๆ นึงเราก็รู้สึกว่าเราอยู่กับผู้หญิงแล้วเราโอเคกว่า เราอยู่ตรงนี้แล้วเราสบายใจ เราเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมาเขินอาย อยากจะทำอะไรก็ทำได้เต็มที่ เรารู้สึกว่าการที่เราได้อยู่กับผู้หญิงมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าอาย เพราะว่าทุกวันนี้สังคมก็เปิดกว้างให้กับเพศต่างๆ แล้ว ก็คิดว่ามันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว เป็นตัวเองก็แฮปปี้กว่า
ด้านเรื่องหัวใจก็มีคนคุยที่เราดูๆ กันอยู่ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าวงการแล้วค่ะ ก็มีน้องๆ หลายคนมาถามว่าถ้ามีผู้ชายมาจีบจะชอบไหม เราก็บอกเขาไปเลยว่าตราบใดที่เรายังมีคนที่เราคุยด้วยอยู่ เราก็จะคุยกับเขาแค่คนเดียว เรื่องอื่นก็ขอปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนแรกเขาก็กังวล คิดหนักมาก พวกพี่ๆ ก็เลยให้คำปรึกษาเราว่าเราควรจะพูดกับเขายังไง ไปในทิศทางไหน อธิบายให้เขาเข้าใจว่ามันคืองาน แต่หนูก็พยายามที่จะรักษาระดับของตัวเอง เราเคยเป็นแบบไหนเราก็จะยังเป็นแบบนั้น เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือนกับความคิดเขาให้เขาคิดมาก
ทุกวันนี้อยากไปเที่ยวไหนกับเขาก็ยังไปกันปกติ ไม่ได้ปิดบัง มีอะไรก็ค่อนข้างเปิดเผยอยู่แล้ว ก็มีอย่างล่าสุดที่ได้ไปทานข้าวด้วยกัน แล้วก็มีแฟนคลับมาเคาะกระจกถามว่าถ่ายรูปด้วยได้ เราก็เดินออกไปถ่ายรูปกับเขา แล้วเขาก็บอกเราว่าตอนแรกหนูจำพี่ไม่ได้นะ แต่ว่าหนูจำคนที่มากับพี่ได้ เพราะว่าหลังจากที่เราอยู่วงการนี้ก็เริ่มที่จะมีคนมาติดตามชีวิตเราผ่านทางโซเซียลมีเดีย เขาก็จะเห็นว่าเราเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง แล้วก็จะเริ่มมาติดตามคนนั้นของเราด้วย เลยกลายเป็นคนจำเขาได้ด้วย เพราะว่าบางทีเวลาที่เราหน้าสดก็จะไม่เหมือนกันตอนที่แต่งหน้า บางทีคนก็จะจำเราไม่ได้ค่ะ