วงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิต! 10 ดาราดังเบื้องหลังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
10 นักร้อง-นักแสดง ที่ฝ่าฟันอุปสรรคจนมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่คนทั้งประเทศ อาทิ “จ๊ะ อาร์สยาม”, “แอน ทองประสม”, “ต้น เทพพิทักษ์” และอีกมากมาย
หลายๆ คนอาจคิดว่าอาชีพนักร้อง-นักแสดงนั้น คงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่หารู้ไม่ว่าเส้นทางของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยหรูเสมอไป เพราะก่อนที่จะเข้าวงการนั้นพวกเขาเหล่านี้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย และกว่าจะมีชื่อเสียงและเด่นดังเป็นที่รู้จักทั้งประเทศ เพราะเส้นทางชีวิตของเหล่าดาราแต่ละคนนั้นที่ไม่ว่าจะมีงานไหนเข้ามาก็ต้องรับทำทุกอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพที่สุจริต ถึงแม้จะมีฐานะไม่ร่ำรวย แต่ก็ต้องหาทางช่วยเหลือครอบครัวให้สุขสบาย พวกเขาจึงต้องตั้งใจมุ่งมานะบากบั่นพยายาม เพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า
โดย “ดาราเดลี่” ก็ได้รวบรวมภาพเหล่าซุป’ตาร์ ฯ กับเส้นทางชีวิตกว่าจะมีชื่อเสียงถึงทุกวันนี้มาให้ได้ดูกัน
เริ่มกันที่คนแรกสำหรับนักร้องลูกทุ่งสาวสุดเซ็กซี่อย่าง “จ๊ะ นงมณี มหาดไทย” หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ “จ๊ะ อาร์สยาม” โดยเส้นทางชีวิตของเธอก่อนเข้าวงการเริ่มจากเป็นนักร้องฟรีแลนซ์ ตามบาร์ หรือตามงานจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินช่วยพ่อแม่ ถ้ามีงานจ้างที่ไหนก็ไม่เคยเกี่ยง และคนก็เริ่มรู้จักเธอมากขึ้นจากคลิปเพลง “คันหู” ทำให้ชื่อของเธอก็เป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน จนกระทั่งปี 2556 เธอได้เข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัวกับซิงเกิ้ลแรกอย่าง “นิสัยฉันเปลี่ยนไปตามสันดานเธอ” โดยต่อมาชีวิตของ “จ๊ะ อาร์สยาม” ก็พลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น และปัจจุบันก็สามารถสร้างบ้านให้พ่อแม่ แถมยังซื้อรถใหม่อีก 3 คัน อีกทั้งเธอยังชอบทำบุญบริจาคมากอีกด้วย
ถัดมาเป็นคิวของเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงอย่าง “แอน ทองประสม” โดยก่อนเข้าวงการบันเทิงนั้น เธออาศัยอยู่กับยาย และมีหน้าที่เก็บผักและเก็บดอกมะลิร้อยพวงมาลัยขาย ด้วยฐานะที่ยากจนขนาดที่ต้องใส่รองเท้าสลับกับยายในวันที่ต้องไปโรงเรียน และรับจ้างล้างชามเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอสมัครเป็นสมาชิกไฟว์สตาร์แฟนคลับและ เมื่อไฟว์สตาร์เห็นรูปถ่ายที่เธอส่งมาก็เลยเรียกให้มาเทสต์หน้ากล้อง จากนั้นในปี 2534 สาว “แอน” ก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก “โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ” เมื่ออายุได้ 15 ปี ร่วมแสดง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในอาชีพการแสดง ก่อนจะก้าวมาแสดงละครและผู้จัดละครที่โด่งดังในเวลาต่อมา
มาถึงคนที่ 3 กันบ้างสำหรับ “เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน” เป็นอีกหนึ่งคนที่มีฝีมือด้านแสดงคุณภาพจริงๆ แต่ก่อนจะเข้าวงการนั้นชีวิตของเธอต้องผ่านเรื่องราวการสู้ชีวิตมามากมาย เริ่มต้นที่เธอต้องช่วยพ่อแม่ขายโรตีมาตลอด ต่อมาเมื่อต้องสูญเสียเสาหลักอย่างคุณพ่อไป เธอเลยต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ด้วยการเป็นเซลล์ขายของเคาะประตูตามบ้านต่อด้วยการเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อที่ได้ค่าแรงชั่วโมงละ 20 บาท และก้าวมาสู่การเป็นนักแสดงตัวประกอบค่าตัววันละ 300 ต่อมาในปี 2548 เธอก็โด่งดังและเป็นที่รู้จักในภาพยนตร์ “เพื่อนสนิท”
สำหรับคนที่ 4 คงไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มหน้าขาวปากแดงผู้มีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่าง “ต้น เทพพิทักษ์ แอสละ” หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปทันที โดยเริ่มต้นจากเป็นพนักงานโรงงานตั้งแต่นั้นมา จนได้มาขับรถส่งของให้บริษัททำเกี่ยวกับบ้าน วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีนบุรี และหนุ่ม “ต้น” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการอัดคลิปลงเฟซบุ๊กซึ่งสามารถเรียกเสียงฮาในโลกโซเซียลได้เป็นอย่างดี จน “พจน์ อานนท์” ผู้กำกับภาพยนตร์ ถึงกับต้องการตัวเขาไปแสดง “888 แรงทะลุนรก” ทำให้เขาได้เข้าวงการอย่างเต็มตัว อีกทั้งยังเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกด้วย
ถัดมาเป็นคิวของนักร้องลูกทุ่งสาวคิวฮอตอย่าง “หญิง ธิดารัตน์ ศรีจุมพล” หรือรู้จักกันในชื่อ “หญิงลี ศรีจุมพล” โดยชีวิตเธอก่อนเข้าวงการบันเทิงเริ่มจากเป็นสาวโรงงาน ทำงานในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนก็จะมีเวลาไปรับจ้างร้องเพลงต่อได้อีก ใช้ฉายาว่า "ลำซิ่งเมียงู" พอได้มาเทสต์เธอก็นำเพลง "ลำซิ่งเมียงู" มาทดสอบ แต่เพลงก็ไม่ได้ถูกคัดเลือกมา เพราะมีเนื้อหาไม่ค่อยเหมาะสม ต่อมาในปี 2556 เธอก็แจ้งเกิดจากเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” จนดังเป็นพลุแตกถือเป็นซิงเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จมากเพราะมียอดวิวในยูทูปถึงแสนล้านวิว
ต่อไปเป็นคิวของนักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง “ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม” ที่เป็นคนสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก และก่อนเข้าวงการบันเทิงชีวิตเธอก็เริ่มต้นจากศูนย์จากคนที่ไม่มีอะไรเลยและเริ่มได้ทำงานต่าง ๆ มากมาย เช่น เด็กเสิร์ฟ, รีเซฟชั่น, เดินสายประกวดต่าง ๆ และในปี พ.ศ. 2544 เธอได้เล่นละครเป็นครั้งแรกเรื่อง “คมพยาบาท” แต่ที่เห็นจะแจ้งเกิดสุดๆ กับบทร้ายเต็มตัวเป็นครั้งแรกในละครเรื่อง “นางทาส” ซึ่งเธอเล่นร้ายได้ดี จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ และการเล่นร้ายครั้งนี้ทำให้เธอได้กลายเป็นนางร้ายหน้าใหม่พุ่งแรงเลยทีเดียว
สำหรับหนุ่มคนที่ 7 นั้นก็เป็นอีกหนึ่งนักร้อง-นักแสดงมากฝีมืออย่าง “ตุ้ย เกียรติกมล ล่าทา” ที่ชีวิตเขาเริ่มต้นโดยพยายามทุกวิถีทางที่จะแบ่งเบาภาระครอบครัว เขาเคยทำงานมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเด็กส่งน้ำแข็ง ,พนักงานขายซาลาเปา ,พนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า , เด็กเก็บตั๋วหนังที่โรงหนัง และ ทำงานที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รณรงค์ลดอุบัติเหตุ หรือแม้แต่ตระเวนร้องเพลงตามผับถึง 3 แห่งต่อคืน ต่อมาปี 2549 เขาก็มีโอกาสได้สมัครประกวดร้องเพลงรายการ “ทรู อคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 3” จนได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตหนุ่ม “ตุ้ย” เปลี่ยนไปตลอดกาล
มาถึงคนที่ 8 กันบ้าง สำหรับแชมป์เดอะสตาร์ปีล่าสุด อย่าง “บิ๊ก กฤษฎา จันทร์ดี” หรือ “บิ๊ก เดอะสตาร์12” โดยเขาเริ่มต้นจากเป็นหนุ่มนักดนตรีที่ทำงานร้องเพลงตอนกลางคืนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพราะมีความฝันที่อยากเปลี่ยนแปลงฐานะของครอบครัวให้ดีขึ้นรวมถึงการที่เป็นคนชอบในเสียงเพลง ในปี 2559 เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาประกวดร้องเพลง และด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น จึงทำให้ผู้ชมต่างเทใจและเทคะแนนโหวตให้หนุ่ม “บิ๊ก” จนสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศจากเวทีแห่งนี้ได้ และกลายเป็น “เดอะ สตาร์” คนที่ 12 ของประเทศไทยได้สำเร็จ
เป็นอีกหนึ่งสาวที่แจ้งเกิดจากเวที “เดอะสตาร์” สำหรับ “ปิ่น พรชนก เลี่ยนกัตวา” หรือ “ปิ่น เดอะสตาร์12” ดีกรีรองแชมป์ซึ่งเธอก็เป็นอีกคนที่กว่าจะมีชื่อเสียงได้นั้นต้องผ่านความยากลำบากในช่วงหนึ่งที่ครอบครัวของเธอตกอยู่ในภาวะลำบากทางการเงิน ซึ่งทำให้ปิ่นตัดสินใจตระเวนประกวดร้องเพลง จนเก็บเงินได้กว่า 5 ล้านบาท และสามารถปลดหนี้ให้กับครอบครัวได้สำเร็จ และจากการประกวดร้องเพลงนี่เอง ที่ทำให้ตอนนี้สาว “ปิ่น” มีถ้วยรางวัลสะสมอยู่กว่า 700 ใบ และปี 2559 เธอได้เข้ามาประกวดเดอะสตาร์ปี 12 ซึ่งทำให้เธอได้รางวัลรองชนะเลิศไปครอง
ปิดท้ายกันด้วย “แอปเปิ้ล ลาภิสรา อินทรสูตร” โดยเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งจากเวที “เดอะสตาร์” ซึ่งเส้นทางชีวิตก่อนเข้าวงการเต็มตัวของเธอนั้นเริ่มจากคุณพ่อเสียชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอต้องหาเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งก็คือ การประกวดต่าง ๆ นั่นเอง โดยเป็นคนที่ชอบการประกวดมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง ,เต้น นอกจากนี้แล้วเธอยังสามารถเต้นป๊อปปิ้ง หรือเต้นฮิปฮอปได้อีกด้วย ต่อมาปี 2553 เธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากการได้เข้ามาประกวดรายการ “เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาวปี 7” หลังจากนั้นก็มีผลงานออกมาให้แฟนๆ ติดตามอยู่เรื่อยๆ