แม่น้ำแยกสายไผ่แตกกอ GTH แปรสภาพเป็น GDH 559
แตกเป็นสาย “GTH” ยุบ! ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถอนหุ้นรวมตัวโมโน ด้านผู้ถือหุ้นที่ยังอยู่เปิดตัวบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “GDH 559” ดึงผู้กำกับและนักแสดงร่วมถือหุ้นบริษัท
เป็นค่ายหนังยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย สำหรับ บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด (GDH 559) ที่ก่อนหน้านี้ทางค่ายได้ผลิตภาพยนตร์มากคุณภาพเอาไว้ถึง 41 เรื่อง และสร้างนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคนภายใต้ชื่อ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) อีกทั้งทางค่ายยังได้ผลิตภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงที่สุดของประเทศไทย อย่าง “พี่มาก…พระโขนง” ที่ทำรายได้ทั่วประเทศถึง 1,000 ล้านบาทอีกด้วย
และวันนี้ “ดาราเดลี่” ก็จะพาชาว “ddsocial” มาเจาะลึกเบื้องหลังของบริษัทยักษ์ใหญ่ GDH 559 กัน
ก่อนหน้านี้บริษัท GDH 559 ได้จดทะเบียนภายใต้ชื่อ GTH หรือ “บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด” เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2547 ด้วยเงินทุนจดทะเบียนถึง 105,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 10,500,000 หุ้น โดยมีกรรมการทั้งหมด 7 คน และมีผู้ถือหุ้นถึง 16 คนด้วยกัน ได้แก่
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
และเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ทางค่าย GTH ก็ได้ออกมาแถลงข่าวยุติการทำงานของบริษัท หลังจากก่อตั้งมาถึง 11 ปี เนื่องมาจากทัศนคติของฝ่ายผู้บริหารนั้นขัดแย้งกัน เป็นเหตุให้ต้องยุติการดำเนินงานของบริษัท และสำหรับนักแสดงในสังกัด ทางค่ายก็ให้สิทธิเลือกอย่างเต็มที่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร รวมถึงสิทธิการบริษัทหนังที่เคยทำก็จะให้บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นผู้ดูแลต่อ ซึ่งในวันที่ประกาศปิดตัวทางบริษัทก็ได้เขียนอธิบายทุกประเด็นดังกล่าวไว้ว่า
ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านทั้งแฟนๆ บริษัทคู่ค้า ตลอดจนนักแสดงและศิลปินต่างๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยขับเคลื่อนเราตลอดมา จุดเริ่มต้นของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) มาจากการรวมตัวของ 3 บริษัท คือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด จนเมื่อสักระยะเวลาที่ผ่านมาแนวทางการบริหารงานของผู้ก่อตั้งจาก 3 บริษัทมีเป้าหมายและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มเงินทุนในการพัฒนาโปรเจ็คท์ให้ใหญ่และหลากหลายมากขึ้น
ทาง หับ โห้ หิ้น บางกอก เห็นว่าบริษัทยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าตลาดฯ ในช่วง 1-3 ปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงเน้นการผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำงาน การเข้าตลาดฯ ตอนนี้อาจทำให้เกิดภาวะกดดันที่ลดทอนความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพของผลงาน
และสำหรับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในทั้ง 2 ทิศทาง และพร้อมที่จะรับแนวทางที่ผู้ร่วมหุ้นทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ จากการที่ทุกฝ่ายพยายามพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกมานานพอสมควรและยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการวางเป้าหมายบริษัทร่วมกันได้ จึงเห็นตรงกันว่าหากยังจะดำเนินงานต่อโดยไม่สามารถหาข้อสรุปได้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อไปกับทุกฝ่าย บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) จึงตัดสินใจร่วมกันขอยุติการดำเนินงานของบริษัทฯลง โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 เป็นต้นไป
สำหรับผลงานที่ผ่านมาทั้งภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนาม บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) ทั้ง 3 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตัวแทนในการบริหารสิทธิ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับผลงานที่ทางบริษัทฯ กำลังดำเนินการผลิตอยู่นั้น ทางบริษัทฯ จะดำเนินการผลิตต่อและนำออกเผยแพร่ในปี 2559 ในนามของบริษัทฯ จนเสร็จสิ้น
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 ก็ได้มีการก่อตั้งและจดทะเบียนบริษัท “จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียนถึง 150,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 1,500,000 หุ้น โดยมีกรรมการทั้งหมด 8 คน และมีผู้ถือหุ้นถึง 59 คนด้วยกัน แต่เราจะพามาเจาะลึก 10 คนที่ถือหุ้นเยอะที่สุดว่ามีใครบ้าง
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
หากเรามาเทียบกันชัดๆ เราจะเห็นว่ารายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GTH ที่ถอนหุ้นไปจะมีตระกูล “พูลวรลักษณ์” ทีมบริหารบริษัท ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งภายหลังที่ยุบบริษัท GTH ไป ทางทีมบริหารไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ นำทีมโดยคุณ “วิสูตร พูลวรลักษณ์” ก็ได้หันไปจับมือกับทางบริษัท โมโน เทคโนโลยี ก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์น้องใหม่ขึ้นมา ภายใต้ชื่อ TMOMENT ซึ่งตัว T แรกย่อมาจาก ไท และ Mo ย่อมาจาก โมโน
และในวันที่แถลงข่าวเปิดตัว หัวเรือใหญ่อย่าง “คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์” ก็ได้ถูกสื่อยิงคำถามถึงการแบ่งเปอร์เซ็นต์รายได้ ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้อธิบายว่าบริษัท TMoment นี้ได้จดทะเบียนบริษัทด้วยเงินทุน 200,000,000 บาท โดยเป็นการออกเงินทุนคนละครึ่งของทั้งสองบริษัท และจะมีการแบ่งผลกำไรคนละ 50 เปอร์เซ็นต์
หลังจากนั้นนักข่าวก็ได้สอบถามโดยอ้างอิงไปถึงบริษัทเก่าอย่าง GTH ว่า “ครั้งนี้แบ่งครึ่งต่อครึ่ง เพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาในการแบ่งผลประโยชน์เหมือนกรณีที่เคยเกิดกับ GTH หรือไม่?” ซึ่งทางคุณวิสูตรก็ได้ตอบว่า "จริงๆ ก็ไม่เชิงนะ ผมไม่คิดว่าเคสแบบGTH จะมาเกิดขึ้นบ่อยกับผมนักหรอก ผมคิดว่าเป็นเจตนาและความตั้งใจมากกว่า เราทำในสิ่งที่คิดว่าดี และเรามีผู้ร่วมงานที่ดี ผมว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้”
โดยถึงแม้ว่าทาง ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ จะถอนหุ้นออกไป แต่ก็ยังไม่มีผลกระทบใดๆ กับทางบริษัท GDH 559 ทั้งในส่วนของผู้ถือหุ้น และผลงาน เพราะทางด้านผู้ถือหุ้น ทางบริษัทก็ได้ดึงผู้กำกับและนักแสดงมาร่วมถือหุ้นเพิ่ม และในด้านผลงาน ปีนี้ทางก็จะมีการปล่อยภาพยนตร์เรื่องแรก “แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว” ที่ได้พระเอก “เต๋อ ฉันทวิชช์” และนางเอก “มิว นิษฐา” มาประกบเรียกความฟิน ภายใต้ชื่อบริษัท GDH 559 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็มีกำหนดฉายในวันที่ 1 กันยายน 2559