"ดีเจมะตูม" เล่นเข้าขา "จียอน" เล่าเบื้องหลังสุดฮากอง "เสน่หาข้ามเส้น" #เสน่หาข้ามเส้น
"มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร” หรือ "ดีเจมะตูม” แฮปปี้ร่วมงาน “ จียอน ซอ จียอน” เข้าขากันได้ดี รับบทผู้จัดการดาราจอมบงการ เรื่องนี้ไม่ได้แค่สนุกแต่มีข้อคิด
เป็นอีกหนึ่งดีเจฝีปากกล้า "ดีเจมะตูม เตชินท์” ที่ดูจะมีงานละครมาให้ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง อย่างผลงานล่าสุดกับเรื่อง "เสน่หาข้ามเส้น“ ที่กำลังออนแอร์อยู่ก็ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม เนื่องมาจากฝีมือการแสดงของนักแสดงทุกคนที่ช่วยกันสร้างสีสันให้ละครครบรสมากขึ้น และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับทาง “ดีเจมะตูม” เจ้าก็ได้เล่าถึงฟีดแบ็คและเบื้องหลังการทำงานให้ฟังว่า
ตอนนี้ก็เรื่อยๆ แค่เริ่มๆ ยังออกมาได้ไม่เยอะ แต่ว่าก็เริ่มมีคนทักบ้างแล้วว่าไปเล่นละครเรื่องนี้ด้วยหรอ เพราะตอนไปถ่ายก็ไม่ค่อยมีใครรู้
ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องเข้าฉาก ทำงานกับ "จียอน" ตลกและสนุกมาก อยากทำอีกเรื่อยๆ เขาเป็นคนน่ารัก มีความธรรมชาติ เป็นคนโก๊ะๆ คาแร็คเตอร์ "จียอน" ในเรื่องจะชื่อ "เมล่อน" ส่วนเราก็จะต้องคอยตามเค้าเพราะเป็นผู้จัดการ แต่มันไม่ใช่ฟีลผู้จัดการจ๋า คือ จะเป็นเพื่อนควบไปด้วย ก่อนหน้าจะเล่นด้วยกันเราก็มีสอบถามว่าอยากได้ประมาณไหน อีกอย่างเป็นเรื่องแรกที่เล่นด้วยกัน พอได้ร่วมงานเทคด้วยกันน้อยมาก ส่วนมากเทคเพราะพูดไม่ชัด เรื่องอารมณ์ไม่เคยเกินสามเทค คือน้อยมากจริงๆ อาจเป็นเพราะคุยกันแต่แรกมาจากข้างนอก ทำให้ในกองเลยเริ่มสนิท พอเล่นด้วยกันก็เลยเข้าขากัน แต่พอถ่ายละครจบทุกวันนี้อาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่มีคอนแทคกัน คุยกัน เจอกันตามงานก็ดีใจ แฮปปี้มีเพื่อนเกาหลีเพิ่มอีกหนึ่งคน
ซึ่งเขาจะเบื่อเรามาก เพราะชอบแกล้งให้พูดคำหยาบ แล้วพูดไม่ค่อยชัด พอพูดไม่รู้ความหมายคำนั้นว่าแปลว่าอะไรก็จะไม่เข้าใจ ก็ตลกดี จริงๆ เราชอบแกล้งทุกคนในกองถ่าย ไม่มีใครไม่โดนแกล้ง แต่ "จียอน" อาจจะโดนหนักสุด เพราะเป็นคนเดียวที่เข้าฉากด้วยกันบ่อยสุด อีกอย่างน่าแกล้งด้วย แต่ก็น่ารัก แล้วเขาอยู่เป็น คือแกล้งแล้วก็ขำ ไม่เคยโกรธ
ส่วนเรื่องภาษา "จียอน" มีสอนภาษาเกาหลีให้ แต่ไม่ได้สอนจริงจังอะไร ส่วนมากจะสอนพูดพวกสิ่งของ เรียกคน เรียกผู้ชาย (หัวเราะ) จริงๆ ในกองจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง ส่วนมากก็อ่านบท (หัวเราะ) ถามว่ากลัวเค้าสอนคำแปลกๆ เหมือนที่แกล้งเขาไหมก็ไม่กลัว เพราะเขาเป็นคนซื่อมาก เป็นคนตรงๆ ถ้าใครรู้จักจะรู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่มีพิษไม่มีมีภัยเลย เป็นคนใสซื่อ หัวเราะจริงใจ เขาต่างหากที่ต้องกลัวเรา
สำหรับเรื่องที่เขาต้องเล่นฉากเลิฟซีน เอาจริงๆ ไม่ได้มีมาปรึกษาอะไรหรอก คือเราจะถามเค้ามากกว่า ว่าไม่กลัวคนติดภาพหรอจากเมื่อก่อนเป็นนักร้องเคป็อบใสๆ ร้องเพลงแบ๊วๆ แล้วนี่ต้องมาเล่นอ่อยผู้ชาย อยู่บนเตียงกับผู้ชาย เขาตอบไม่กลัว ความจริงของแบบนี้น่าจะเป็นเองอยู่แล้ว (หัวเราะ)
ด้านคาแรกเตอร์ของเราที่มารับบทผู้จัดการดาราสำหรับละคร "เสน่หาข้ามเส้น" ไม่เหนื่อย เพราะบทมันไม่ใช่แค่ดูแลดารา แต่เป็นบทเพื่อนในนามของผู้จัดการดารา มันก็เลยมีความสั่งงานเกินผู้จัดการ บังคับสั่งให้วางแผน สั่งให้อ่อย คอยบังคับให้ทำนู่นนั่นนี่ แล้วในเรื่องจะต้องเชื่อเราทุกอย่าง แต่ในชีวิตจริงคือไม่มีใครมาบงการชีวิตเรา แต่ในเรื่องกลับต้องมาบงการชีวิตเขาเกือบทั้งเรื่อง เลยเปรียบเทียบกันไมได้
นอกจากเรื่องนี้จะยังมีละครอีกเรื่องกับช่อง 3 เป็นผู้จัดการดาราเหมือนกันเลย ความยากของเราคือแบ่งยังไงให้แสดงออกมาแล้วดูไม่ซ้ำกัน กับคาแรกเตอร์อีกเรื่อง ถึงแม้จะบทเดียวกัน คือเราเป็นคนโรคจิต อยากเล่นละครให้คนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ แต่อีกเรื่องต้องเป็นอีกอย่าง ต่อให้ได้รับหน้าที่อาชีพเดียวกัน อยากให้คนเห็นว่ามันแตกต่างกัน ให้เห็นการพัฒนาของเรา ก็ต้องทำการบ้านมากขึ้น เลือกรับบทมากขึ้น ก็มีหลายเรื่องติดต่อมา แต่ไม่ใช่นางเอกนะ (หัวเราะ) เพราะค่อนข้างมีงานในวงการหลากหลาย ต้องขอดูบทนิดนึง อีกอย่างเล่นละครให้กับช่อง 3 มาเยอะแล้ว ครั้งนี้ร่วมงานกับช่อง one สนุกสนานดีครับ ยินดีอยู่แล้วทุกช่อง เพราะเป็นฟรีแลนซ์ (หัวเราะ)
แต่คือต้องบอกก่อนว่า ช่อง one เขาจะนำเสนอในมุมมองของคนรุ่นใหม่ รุ่นโซเชียล แล้วในเรื่องคือจะยุ่งกับโทรศัพท์ตลอดเวลา ส่องนั่นนี่ ดูกระทู้ เล่นโซเชียลตลอดเวลา มันคือชีวิตเราเลย ทำให้ไม่ต้องทำการบ้านมากเท่าไหร่ ถ้าไปช่องอื่นอาจจะต้องปรับคาแรกเตอร์มากหน่อย แต่ก็ด้วยสปิริตของการเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเล่นที่ไหนเต็มที่อยู่แล้ว
ท้ายสุดอยากให้คนดูแล้วคิดตามไปด้วย อันไหนดีก็อยากให้เอากลับไปคิด ที่ไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไป รับรองไม่ใช่แค่ได้รับความสนุกอย่างเดียว แต่ยังมีคำสอนแอบแฝงอยู่ด้วยครับ
.jpg)
.jpg)
