โมเมนต์สำคัญของชีวิต! "ตู่" และแม่เคยถวายงาน "ในหลวง"
“ตู่ นพพล โกมารชุน” ภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเป็นพิธีกรถวายงานในหลวงรัชกาลที่ 9 และมีโอกาสได้สร้างละครยาวเทิดพระเกียรติ เรื่อง "สายน้ำ 3 ชีวิต"
นักแสดงรุ่นใหญ่มากความสามารถอย่าง “ตู่ นพพล” ที่ล่าสุดเขาเองก็ได้ออกงาน "King Bhumibol of Thailand The People's King ในหลวงในดวงใจ” ซึ่งทาง “ดาราเดลี่” ได้พูดคุยกับเขาก็ได้เผยถึงวินาทีสุดประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้กับเราได้ฟังว่า
ตั้งแต่เด็กก็ดูข่าวในพระราชสำนึก ก็ดูไปงั้นๆ ไม่คิดอะไร แต่แม่บอกเราให้ดูๆ ไป เพราะเราจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ ก็ได้เห็นพระองค์ท่านได้เสด็จไปทุกภาค ทั่วมุมของประเทศไทยเหมือนกัน และคำถามที่อยู่ในใจตอนนั้น คือ ทำไม? ทำไมพระองค์ท่านต้องเสด็จไปด้วย นั่นคือความรู้สึกของตอนยังเป็นเด็ก แต่พอโตขึ้นมา ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ถึงได้รู้ว่า ทุกที่ที่พระองค์เสด็จไป แสดงว่าตรงนั้นมีปัญหาอยู่ และพระองค์ก็ทรงไปเพื่อแก้ปัญหา เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีอาชีพที่ดีขึ้น และสามารถช่วยตนเองได้
ครั้งหนึ่งเคยได้ถวายงานแด่พระองค์ท่าน เป็นพิธีกรงานคอนเสิร์ตของ “หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ” ซึ่งเป็นพระสหายของท่าน และตอนนั้นเป็นพิธีกรหลัก และตอนนั้นในหลวงกับสมเด็จเสด็จ และราชวงศ์ทุกพระองค์เลย ทุกคนก็จะแซวว่า "เป็นคนเปิดงาน นำดีๆ ถ้ามีข้อผิดพลาด คนอื่นแย่หมดเลย" ก็เลยทำให้ตรึงกลัว และตั้งใจมาก และก็ตั้งสมาธิความรู้สึกทั้งหมดว่า พระองค์ท่านคงไม่ว่าหรอก ถ้าจะมีผิดบ้าง แต่ว่างานในวันนั้นก็ได้ผ่านไปได้ด้วยดี สมเด็จไปเดินมาบอกว่า เป็นไงเหนื่อยไหม เป็นพิธีกร ตอนนั้นก็สั่นไปทั้งตัวเลย และแล้วพระองค์ท่าน ก็ได้ลงมานั่งข้างๆ สมเด็จ และถามแม่เราว่า แม่เป็นอย่างไร สบายดีไหม ดูถึงตอนที่แม่ของเรามาพากษ์หนังให้ดู พระบาทสมเด็จก็จะทรงยิ้มให้ และเสด็จราชดำเนินต่อไป แต่นี้ก็ดีใจแล้ว ในชีวิตนี้เป็นปลื้มมากๆ
เรื่องที่แม่ได้ไปพากษ์ เป็นเรื่อง "แม่นาค พระโขนง" และตอนนั้นพระองค์ท่านจะประทับอยู่ที่โซฟา และทีมนักพากษ์ก็จะนั่งกับพื้น และพากษ์กันสดๆ เดี๋ยวนั้นเลย และในหลวงก็มีพระราชดำรัสว่า พากษ์แบบที่ชาวบ้านเขาดูกัน ไม่ต้องเกร็งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอยากสนุกด้วย ก็ถือเป็นบุญกับชีวิตมาก ที่ได้มีโอกาสถวายงานทั้งคุณแม่ และกับตัวเอง และท่านก็ไม่เคยลืมแม่ของเรา ที่มีอาชีพเป็นเพียงนักพากษ์หนังธรรมดา และซึ่งตัวของเราเองที่เป็นพิธีกร ท่านมีความห่วงใยว่าเหนื่อยไหม แค่นี้ก็ถือว่ามีบุญต่อชีวิตแล้ว และเราก็ได้นำพระราชดำรัสของพระองค์ที่ว่า "จงทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว" มาใช้ เพราะถ้าเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วแต่ต้น แล้วหากมีใครสอนเรา ก็จะมีแต่ล้น หรือเสียหายไป เพราะฉะนั้น ทำตัวให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว เพื่อที่จะเพิ่มได้อีก
ก่อนหน้านี้บอกได้เคยทำละครเทิดพระเกียรติมาแล้ว และเป็นนักแสดงในละครเทิดพระเกียรติในหลายๆ เรื่อง ล่าสุดที่ Workpoint ก็ได้ออกเพลงของพ่อไป 17 แล้ว ก็ถือว่าเหมือนเหมือนกัน และล่าสุดนี้ สิ่งที่เราได้ทำไปเกือบ 10 ปีแล้ว คือ ละครเทิดพระเกียรติ เป็นละครยาวเลย เรื่อง "สายน้ำ 3 ชีวิต" ซึ่งละครเรื่องนี้จะเกี่ยวกับพระองค์ท่านเลย บอกเรื่องนี้เป็นละครที่รักมาก และภูมิใจที่ได้ทำ และอะไรที่เกี่ยวกับในหลวง ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง สุดท้ายก็บอกทุกคนว่าอย่าโศกเศร้า เพราะพระองค์ท่านคงอยากเห็นเราก้าวเดินต่อไปกันมากกว่า เพื่อพี่พ่อมองลงมา พ่อจะได้ยิ้ม