"พอลลี่ พรพรรณ" ควงสามีเปิดใจ! วิวาห์สายฟ้าแลบ ท่ามกลางความอบอุ่น

"พอลลี่ พรพรรณ" ควงสามีเปิดใจ! วิวาห์สายฟ้าแลบ ท่ามกลางความอบอุ่น

     ชื่นมื่น "พอลลี่ พรพรรณ สิทธินววิธ" ควง "เบนซ์ รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา" เข้าประตูวิวาห์สายฟ้าแลบ ท่ามกลางความอบอุ่นรูปแบบศาสนาคริสต์

     นักแสดงสาวสวย "พอลลี่  พรพรรณ" ที่ล่าสุดก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่ม "เบนซ์ รัฐพงษ์” เมื่อวานนี้ (9 ธันวาคม) โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น เมื่อทาง “ดาราเดลี่” ได้พูดคุยกับคู่บ่าวสาว ก็ได้เผยถึงความประทับใจที่มีต่อกันให้ฟัง 

     เราเองรู้จักกันกับ "เบนซ์ รัฐพงษ์" เจ้าบ่าว ได้ 3 ปี แล้วต่างคนต่างยังไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่ มีเจอกัน กินข้าว ดูหนังกับเพื่อนๆ 3 ปีที่แล้วไม่ได้ติดต่อกันมาก พอช่วงต้นปีได้ไปเจอกันอีกรอบ พอคุยกันครั้งนี้เราโตขึ้นด้วย คุยแล้วรู้สึกดี รู้สึกคลิกกันมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ฝ่ายชายก็พูดเรื่องแต่งงานตั้งแต่ 3 เดือนแรกที่คุยกันแล้ว แต่เราว่ามันยังเร็วไปหน่อย ตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงอะไรกัน

     ด้านฝ่ายเจ้าบ่าว "เบนซ์  รัฐพงษ์" อย่างที่ “น้องพอลลี่” บอกว่าเรารู้จักกันมา 3 ปีแล้ว มีการติดต่อกันบ้าง มาเจอกันอีกทีตอนต้นปี ตอนคบกันก็รู้สึกว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ คบกันแล้วสบายใจ ตัวของ “พอลลี่” เองเป็นคนใจดีมาก น่ารัก พอคบแล้วสบายใจดี เราได้เป็นตัวเอง เขาเป็นตัวของเขาเอง ผมก็เป็นตัวผม มีความเป็นเราด้วย ต่างคนต่างปรับเข้าหากัน แต่เราก็ใช้เวลาไม่มากในการปรับเข้าหากัน เคยคิดมาตลอดว่า การคบกันแล้วแต่งงานมันไม่มีนิยามว่าต้องกี่เดือนกี่ปี มาเข้าใจว่าชีวิตคนเราก็ไม่ได้ยาว จนมาเจอคนๆ นี้ที่เราต้องการจะใช้ชีวิตด้วย เดินทางไปด้วยกัน ก็คิดว่าเราไม่ควรจะเสียเวลานั้น เลยคุยกับ “น้องพอลลี่” เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน

พอลลี่ พรพรรณ

    ทั้งนี้ด้านสาว "พอลลี่ "บอกตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะจริงๆ จังๆ เขาก็พูดว่าอยากมีครอบครัว อยากมีลูกจัง เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นการขอแต่งงานจริงจัง

    ส่วนเรื่องขอแต่งงานนั้น ก็มีมาขอหลังจากคุยไปแล้ว ตอนเขาขอก็หูดับ ฟังไม่รู้เรื่อง พอขอเรียบร้อย “พี่เบนซ์” ก็ถามว่าได้ยินไหมที่พูดเมื่อกี้เพราะ “พอลลี่” ตาลอย ไม่ได้ยิน ฟังไม่รู้เรื่อง

    ด้านฝ่ายชายก็บอกต่อว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วเราไปแกลอรี่ที่สุขุมวิท ไปดูงานศิลปะด้วยกัน เป็นแกลอรี่ที่เปิดถึงเที่ยงคืน ตอนที่จะคุกเข่าขอ “น้องพอลลี่” แต่งงานก็คิดว่าเราควรจะขอที่ที่เรารู้สึกคุ้นเคย เป็นสถานที่เราเคยพบกันและรู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็เลยเลือกสถานที่นั้น 

    เรื่องการวางแผนชีวิตครอบครัว เราวางแผนไว้ว่าอยากเอ็นจอยชีวิตคู่ก่อน ในเรื่องของการมีลูก เราก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ทางด้าน “พอลลี่” เองก็ยังไม่รีบ แต่มาก็ยินดี เพราะ “พี่เบนซ์” อายุได้แล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่รีบขนาดนั้น มีแพลนว่าจะไปเที่ยวก่อน

      ถามถึงเรื่องพิธีก่อนหน้านี้ “พอลลี่” เป็นพิธีหมั้น ยังไม่จดทะเบียนสมรส เพราะเรามีแพลนสิ้นปีจะไปเที่ยวกัน เราก็ทำวีซ่าอะไรไปหมดแล้ว เดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องเอกสารที่ต้องเปลี่ยนก็เลยคิดว่าปีหน้าค่อยไปจดทะเบียนแล้วกัน ทางพ่อแม่ของ “พอลลี่” ค่อนข้างตกใจเล็กน้อยว่าจะแต่งแล้วเหรอทำไมเร็วจังเพิ่งรู้จัก “พี่เบนซ์” แต่ทางพ่อแม่ “พี่เบนซ์” ก็เห็นด้วยสนับสนุนอย่าง ไปดูฤกษ์มาให้เรียบร้อย

     เรื่องสินสอดเป็นทางผู้ใหญ่คุยกันเป็นเรื่องภายในก็ไม่ค่อยทราบเท่าไหร่ “พอลลี่” ก็จะได้เป็นพวกครื่องประดับอะไรอย่างนี้ ส่วนของเรือนหอก็จะมีคอนโดย่านสาทร แพลนฮันนีมูนเตรียมไปฮันนีมูนกันที่อียิปต์ 12 วัน

     พิธีวันนี้เป็นพิธีคริสต์ “พอลลี่” เผยคุณแม่นับถือและเชื่อ ตัวเราก็รับทราบรับรู้มาตั้งแต่เด็ก แต่เรายังไม่ได้รับเชื่อ คือยังไหว้พระพุทธรูป ยังนับถือพระพุทธเจ้าอยู่ มีความเชื่อทั้ง 2 ศาสนา แต่เราก็คุยกันว่าพิธีคริสต์เป็นพิธีเดียวที่พระเจ้าลงมาให้คำอวยพร เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเราจะเริ่มต้นชีวิตคู่กับสิ่งดีๆ ก็น่าจะเป็นพิธีนี้และเราก็ชอบด้วย

     ด้านแหวนแต่งงาน ทั้งสองไม่ทราบ นี่เป็นสิ่งที่ทางผู้ใหญ่จัดการให้ ผู้ใหญ่จะเป็นคนจัดการเรื่องสินสอด ตัว “พอลลี่” จะได้รับแค่เครื่องประดับเอาไว้ใช้งานได้ ใช้ในชีวิตประจำวัน เรื่องสินสอดผู้ใหญ่เป็นคนคุยกัน

      หลายคนคนมองว่าแต่งเร็วแบบนี้มีน้องด้าน “พอลลี่” บอกเรื่องน้องยังไม่มี ถ้ามีก็ยินดี การมีน้องเป็นเรื่องน่ายินดี จริงๆ ทางบ้าน “พี่เบนซ์” อยากมีหลานมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ปล่อย “พอลลี่” ยังถ่ายละครไม่จบ ที่ชอบ “พี่เบนซ์” อย่างนึงคือ เขาสายธรรมะมาก ก่อนหน้าจะเจอเรา เขาจะไปบวช แต่มาเจอเราก่อนเลย ไปทางธรรมแล้วเขาชอบมาก ทั้งนี้หนุ่ม “เบนซ์” ตั้งใจจะบวชสิ้นปีนี้แหละ จากงานบวชเป็นงานแต่งแทน หลังแต่งก็มีคุยขออนุญาตไปบวชสัก 2 อาทิตย์

     ในเรื่องคำมั่นสัญญาที่ให้กันหนุ่ม “เบนซ์” ประการแรก เราจะทำทุกวันให้ดีที่สุด ไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ในอดีตก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเราสองคน ประการที่สองเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง โลกเปลี่ยนแปลง โลกหมุนเร็วมาก แต่สิ่งนึงที่จะไม่เปลี่ยนคือยังไงก็ต้องมีเรา

      ส่วนสาว “พอลลี่” เชื่อในความรัก ก็เคยมีความรัก มีผิดหวัง สมหวัง ณ วันนี้เราเป็นครอบครัวแล้วไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องให้อภัยดูแลซึ่งกันและกัน ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักและดูแลพี่ “เบนซ์” ไปตลอด