ข่าวฮอตประจำปี 2559 : ชนวนไลน์หลุด! “แอมป์-หยก” แยกทาง “พีพี” ถูกโยงมือที่สาม
เดินทางเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2559 แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในปีนี้ก็มีข่าวสุดฮอตที่เป็นประเด็นถูกพูดถึงของคนบันเทิงทั้งในประเทศ และนอกประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เรียกเสียงเฮ สร้างสีสันโดนใจในวงการบันเทิง ตลอดถึงเรื่องช็อกวงการ ข่าวเศร้าต่างๆ ที่ทำเอาแฟนคลับสะเทือนขวัญไปพร้อมๆ กัน ทาง “ดาราเดลี่” เลยได้ทำการเลือกข่าวบันเทิงที่เป็นประเด็นมีคนพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการบันเทิงปี 2559 มาฝากกัน เพื่อไม่ให้คุณพลาดหรือตกเทรนด์ข่าวในวงการบันเทิงประจำปีนี้
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนส่งท้ายปี 2558 มาถึง 2559 กันเลยทีเดียว กับข่าวคราวเรื่องความรักระหว่างนักแสดงร่วมค่ายอย่าง “หยก ธัญยกันต์” และ “แอมป์ พีรวัศ” ที่เลิกรากัน ซึ่งชนวนที่ทำให้แยกทางนั้นค่อนข้างจะร้อนแรงสนั่นโซเชียล เมื่อทางฝ่ายหญิงออกมาโพสต์ข้อความภาพผ่านอินสตาแกรมด้วยคำที่แรงสุดๆ
พร้อมทั้งยังบรรยายความรู้สึกผ่านแคปชั่นอีกว่า “หนูเข้ามาไม่ทันไร..ก็เล่นพี่ซะละ.. คารามายด์สักโหลมั้ยคะ จะได้ช่วยบรรเทาอาการคันของหนูหน่อย..... #เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะคะ #ก็ฉันไม่ใช่นางเอกนิคะ” แน่นอนว่างานนี้ก็ทำเอาหลายคนจับตาว่ามีเรื่องของมือที่สามเข้ามาระหว่างความรักของทั้งคู่หรือไม่ แถมแก๊งเพื่อนๆ ของสาว “หยก” ยังเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจกันยกใหญ่
และสาวที่ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็คือนางเอกสาวดาวรุ่งอย่าง “พีพี พัชญา” เพราะเธอนั้นแสดงละครเรื่อง “สาวน้อยอ้อยควั่น” คู่กับหนุ่ม “แอมป์” ทำให้หนุ่มฝ่ายชายต้องออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านทางอินสตาแกรมของตัวเองว่าเป็นเพียงพี่น้องกัน และเจ้าตัวนั้นสนิทกับทางคุณแม่ของสาว “พีพี” ก่อนที่จะลบข้อความดังกล่าวทิ้ง
เรื่องนี้นั้นถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะมีไลน์หลุดส่งข้อความหากันอย่างหวานเจี๊ยบระหว่างหนุ่ม “แอมป์” และสาว “พีพี” นั้นออกมา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการติดแฮชแท็ก #ทีมหยก ขึ้นมา
ต่อมาเมื่อหนุ่ม “แอมป์” ได้พูดคุยกับสื่อมวลชน เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดปากถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า “เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยังรักสาวหยกเหมือนเดิมโดยตั้งแต่คบกันมาประมาน 6 ปีกว่า ไม่เคยมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงเลย ส่วนตัวแล้วเป็นคนเฟรนด์ลี่ จนอาจจะทำให้สาวหยกเข้าใจผิด ซึ่งก็ขอน้อมรับผิดทุกอย่างทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันคือเป็นการเข้าใจผิด เราไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีอย่างที่คนอื่นคิดกัน
ส่วนเรื่องข้อความไลน์ที่หลุดออกมาก็ยอมรับว่ามีการคุยกันจริงๆ แต่ไม่มีอะไร สถานะแค่พี่น้อง ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง ยอมจุดธูปสาบาน พร้อมขอโทษผู้ใหญ่ และแฟนคลับที่ทำให้รู้สึกผิดหวัง” ทั้งนี้หนุ่ม “แอมป์” ยังยืนยันว่าสถานะกับสาว “หยก” ยังเหมือนเดิม และเคลียร์กับทางคุณแม่ของสาว “พีพี” ชัดเจนทุกอย่าง
โดยหลังจากที่หนุ่ม “แอมป์” ได้ให้สัมภาษณ์ไปนั้น ทางสาว “หยก” ก็ยอมเปิดใจกับสื่อถึงเรื่องนี้ โดยเธอนั้นขอโทษที่ใช้คำรุนแรง และยืนยันว่าไม่ได้เขียนพาดพิงใคร และไม่ขอพูดถึงเรื่องที่คนเดากันว่าเป็นใคร พร้อมทั้งบอกว่าเธอนั้นคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น และได้คำตอบกับตัวเองว่าขอหยุดความสัมพันธ์กับทางหนุ่ม “แอมป์” หลังจากคบกันมานาน 6 ปี โดยเหตุที่เธอตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพราะโพสต์ของฝ่ายชายที่ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจขึ้นเลย และทิ้งระยะปรับความเข้าใจนานพอสมควร เมื่อมาขอโทษต่อหน้าสื่อ สาว “หยก” บอกว่าอาจจะช้าไปแล้วกับความรู้สึกของเธอ
สำหรับเรื่องไลน์หลุดเธอก็บอกว่าปกติไม่เคยเช็กโทรศัพท์ของอีกฝ่าย จนกระทั่งเห็นทั้งสองคุยกันทำให้เธอโพสต์ข้อความแรงลงบน IG และเธอก็ย้ำชัดว่าอยากจบเรื่องนี้เพราะเหนื่อยมามากแล้ว ทำให้เธอเริ่มเดินสายทำบุญเพื่อความสบายใจของตัวเอง
โดยเมื่อเวลาผ่านมาเรื่องราวของทั้งสองก็ยังเป็นที่จับตาอยู่เสมอ เนื่องจากอยู่ในช่องเดียวกัน และมีโอกาสได้เจอกันในงานของช่องต่างๆ อีกทั้งยังถูกมองว่าฝ่ายหญิงเชิดใส่หนุ่ม “แอมป์” อีกด้วย จนเธอต้องบอกว่า เธอไม่เชิดใส่ เพียงแค่ยังไม่พร้อมเป็นเพื่อนกัน ด้านตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว ซึ่งเธอใช้เวลาไปกับการทำงาน และอยู่กับครอบครัว
เมื่อเรื่องผ่านมา 5 เดือนทางฝั่งของสาว “พีพี” ได้ออกมาเปิดใจผ่านสื่อเป็นครั้งแรกถึงการถูกโยงเป็นมือที่สามของหนุ่ม “แอมป์” และสาว “หยก” ทั้งนี้เธอก็พูดชัดว่า ไม่ได้คิดเกินเลยกับทางฝ่ายชาย และภาพคู่ก็ถ่ายในกองถ่ายปกติเท่านั้น ด้านข้อความในไลน์ก็เป็นในลักษณะของพี่น้องที่ไม่เจอกันนาน โดยทางผู้ใหญ่บอกให้เธออย่าตอบโต้รุ่นพี่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสาว “พีพี” ก็ยังถูกโจมตีใน IG อย่างต่อเนื่อง เธอบอกว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่ต้องระวังตัวมากขึ้น อีกทั้งยังบอกว่าไม่ใช่มือที่สามแน่นอน
ท้ายสุดในปัจจุบันหนุ่ม “แอมป์” และสาว “หยก” ก็ยังสามารถร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ ได้ และพร้อมจะเดินหน้าในเส้นทางของตนเอง ทางด้านสาว “พีพี” นั้นเธอก็ยังบอกว่าสามารถร่วมงานกันได้เหมือนเดิม