“เอ” ย้ำสถานะ “ณเดชน์-ญาญ่า” แค่พี่น้อง เผยตอนนี้ลดกฏห้ามเด็กในสังกัดกิ๊กกันแล้ว
"เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร" รับให้ขวัญถุงน้อง “เป่าเปา พอลลีน่า ชี” 1 แสนบาท ยันความสัมพันธ์ "ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” แค่พี่น้อง แจงประเด็นดราม่า "เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุ” และ “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา"
นักปั้นมือทองของวงการบันเทิงไทย “เอ ศุภชัย” ที่ล่าสุดมีประเด็นที่สาว “ญาญ่า อุรัสยา” ออกมายอมรับว่าเป็นแฟนกับพระเอกสุดฮอต “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นั้น ทางผู้จัดการอย่าง “เอ” ได้มีความเห็นอย่างไร ล่าสุดเขาก็ออกมาเผยว่า
สำหรับข่าว “ญาญ่า” และ “ณเดชน์” ที่บอกฝ่ายหญิงยอมรับเป็นแฟน ส่วนตัวคิดว่า “ญาญ่า” ภาษาไทยน่าจะไม่แข็งแรง เลยตอบเช่นนั้น ยิ่งมีสื่อถามเยอะน้องอาจจะงง แต่ในความสัมพันธ์ยังเป็นพี่น้องอยู่ ทั้งคู่ยังไม่ได้มาบอกว่าเป็นแฟนกันให้ตัวเองทราบ ส่วนตัวยังไม่ได้คุย ในความรู้สึกตัวเองมองทั้งคู่น่ารัก คบกันเป็นเพื่อนน่ารักดี ส่วนกฎในบ้านห้ามคบกัน ตอนนี้ปล่อยวางบ้างแล้ว ย้ำสถานะทั้งสองคนเป็นพี่น้องอยู่ ส่วนอนาคตจะเปลี่ยนไหม เป็นเรื่องของเขา รอให้เขามาบอกด้วยตัวเองก่อน ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งทุกคนอีกครั้ง ให้เกียรติความคิดของทั้งสองคน ส่วนที่คุยกับแม่ “แก้ว” ยังบอกว่า เป็นพี่น้องกัน
ส่วนดราม่าข่าวของ “เคน ภูภูมิ-เอสเธอร์-ฌอห์ณ” นั้น ตนยังไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกัน แต่ก็ติดตามข่าวอยู่ ส่วนตัวมองไม่น่ามีอะไร ชม “เคน” เป็นคนน่ารักมาก เป็นคนจริงใจ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน คงขอตามข่าวอีกที และยังไม่มีเรียกคุยเชื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่พอ และน้องไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ตนมองเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้ามีโอกาสได้เจอกันและพูดคุยทำความเข้าใจกันอีกที
ส่วนที่ข่าวออกมาว่าตนให้อั่งเป่าน้อง “เป่าเปา” ไปหนึ่งแสนบาทนั้น เป็นเพราะตัวเองเข้าไปดูไลฟ์ “กุ๊บกิ๊บ” พอเขาเห็นเลยแซวว่า “เป่าเปา” เรียกชื่อพี่ “เอ” จะได้รับเงินขวัญถุงด้วยหนึ่งแสน และหลานเรียกชื่อพอดี ตนเองขำๆ โดยให้ติดต่อหลังไมค์จะได้ให้เงินอั่งเปาหลานด้วย ส่วนตัวเชื่อ “เป่าเปา” เป็นเด็กเรียกทรัพย์ให้พ่อแม่
สำหรับเรื่องงานอาจารย์พิเศษนั้น ตนดีใจที่งานเดินแบบประสบความสำเร็จ ดีใจที่เห็นลูกศิษย์ทำงานเป็น อยากให้เด็กรุ่นใหม่ทำงานได้ ไม่ใช่แค่อ่านในหนังสือ ภูมิใจมาก โดยใช้เงินมากกว่าสี่ล้าน ควักเงินเอง ถือเป็นโอกาสที่จะได้ทำ ตรงนี้ก็เป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ส่วนตัวไม่สนเงินที่ได้รับ อยากสอนเด็กและก็ทำมันออกมาให้ดี ทุ่มเงินช่วยเหลือเต็มที่ โดยงานนี้ก็เกิดจากเด็กๆ เองด้วย ถ้านักศึกษาตั้งใจดีก็ให้ตั๋วเด็กไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ตอนนี้สอนเทอมนี้เทอมเดียว ขอกลับไปขายส้มตำก่อนค่อยมาสอนต่อ พร้อมจะสอนทุกมหาวิทยาลัย อยากให้เป็นวิทยาทาน ส่วนบทบาทการเป็นอาจารย์ ยอมรับเหนื่อย แทนที่จะได้ไปเที่ยวก็ต้องมาสอนเด็ก ซึ่งตัวเองก็สอนหนักมาก เจอกับนักศึกษาแทบทุกวัน มีต้องนัดเจอกันข้างนอกเพื่อคุยงานกับเด็ก พองานจบมา เห็นทุกคนชอบก็รู้สึกดี
