"อนันดา" น้อมรับ ราชานักปั้นคู่จิ้น เขิน "มาริโอ้" ยกเป็นไอดอลเรื่องความหล่อ
"อนันดา เอเวอริงแฮม" ถึงกับเขินหลัง "มาริโอ้ เมาเร่อ" ยกให้เป็นไอดอลเรื่องความหล่อ
สำหรับหนุ่มหล่อมาดเซอร์อย่าง "อนันดา เอเวอริงแฮม" ที่มีการแชะภาพการถ่ายทำหนังสั้นของนาฬิกาไซโกในมุมลุยๆ ให้เราได้ชมกันจนหลายๆ คนต่างเรียกว่าเป็นพระเอกขาลุยกันไปแล้ว และล่าสุดที่หนุ่ม "มาริโอ้ เมาเร่อ" ยกให้เขาเป็นไอดอลเรื่องความหล่อนั้น เจ้าตัวเผยว่า
กับการไปถ่ายหนังสั้นที่ต่างประเทศกลับมาก็ป่วยเลย ตอนนี้ก็ยังไม่หายดีมา 2-3 อาทิตย์แล้ว คิดว่าควรจะต้องไปหาหมอ สำหรับภาพยนตร์นี้ไปถ่ายที่ควีนส์ ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ บรรยากาศในการทำงานสนุกมาก ตอนเราไปบทก็ไม่มี อย่างมากก็แค่ให้โจทย์ในวันนั้นต้องตื่นตี 4 ตี 5 ทุกวัน แล้วกว่าจะกลับเข้าห้องทุกวันก็ดึก ถือว่าโหดพอสมควร แต่โดยรวมก็สนุก แถมยังมีคุยกับทางทีมงานว่าปีหน้าจะไปที่ไหนกันต่อดี ถ้ามันจะสุดกว่านี้ก็คงนึกไม่ออก
ส่วนที่หลายคนมองว่าเราเป็นพระเอกขาลุยก็คิดว่าถ้ามันเป็นแคมเปญชนิดนี้มันใกล้ตัว เรากับไซโกค่อนข้างแฮปปี้กับการทำงาน เพราะว่าเขาดึงความเป็นตัวของเราออกมาได้จริงๆ การร่วมงานก็ทั้งคนไทยและต่างชาติ ส่วนผู้กำกับฯ เป็นคนไทย แต่โดยปกติถ้าทำงานในต่างประเทศก็จะมีทีมงานซัพพอร์ตที่เป็นต่างชาติอยู่แล้ว
เรื่องการผจญภัยก็ทำมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เที่ยวผจญภัยมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในดีเอ็นเอของเราตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำไป อาจจะมาจากพ่อเราหรือแม่เราก็ว่ากันไป เพราะเขาก็ไม่เบากันทั้งคู่ การผจญภัยเราก็ทำเป็นประจำถ้าว่างก็จะไป จริงๆ เราได้คุยกับทางไซโกว่าปีต่อไปถ้าเราจะทำให้สุดกว่านี้ก็มีคนพูดถึงการไปดำน้ำในถ้ำที่เม็กซิโก ที่อเมริกาใต้ มันก็น่าสนใจ และอยากไปมาก
สำหรับการทำงานโกอินเตอร์คิดว่ามีคนที่รู้จักแค่นี้ก็พอแล้ว เรารักในอาชีพนักแสดง เราไม่ได้รักชื่อเสียงที่มันมากับอาชีพ ซึ่งเราก็คิดว่าถ้าเราไม่หาอะไรที่มันมากกว่านี้มันจะเป็นธรรมชาติของเรา และจะไม่อึดอัด ตอนที่เป็นวัยรุ่นก็มีคนทาบทามมาเยอะเหมือนกัน พวกเอเจนซี่ที่เมืองนอก แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ใฝ่ฝันและไม่ได้คิดว่าคุณค่าของอาชีพเราจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่จะรู้จักเรา แต่ถ้าหากทางเมืองนอกบอกว่ามีงานที่น่าสนใจและส่งงานดีๆ มาให้ดูก็คงลอง แต่ว่างานที่ได้ของเมืองนอกจะเป็นหนังเกรดดีเกรดซี ก็เลยคิดว่าอย่าดีกว่า ความพอใจในฐานะนักแสดงมันไม่มีหมดสิ้นอยู่แล้ว เพราะเราโตขึ้นบทมันก็จะต่างออกไป แต่ในเชิงชื่อเสียงมันไม่ใช่สิ่งที่เราใฝ่หาอยู่แล้ว มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของอาชีพเราเท่านั้น
ด้าน "มาริโอ้" ที่ยกให้เราเป็นไอดอล อาจจะเพราะเขาเห็นเราเป็นรุ่นพี่ด้านการแสดง เนื่องจากตอนที่เขาเด็กๆ เขาขอไปเรียนกับหม่อมน้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากเขาชื่นชมผลงานของเรา แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาปลื้มเรื่องหน้าตาของเราด้วย พอรู้ก็เขินเลย
การปั้นคู่จิ้นใหม่อย่าง "เอสเธอร์" กับ "เป้" ก็คิดว่าจริงๆ มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เรา เราแค่มีเนื้อหา มีนักแสดง จะจิ้นหรือจะฟินมันก็ขึ้นอยู่ที่คนดูมากกว่า แต่แน่นอนว่าเราจะต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งเท่าที่ดูก็มีวี่แววที่จะเป็นไปได้ เพราะจากที่ดูเขาสองคนแล้วมันก็มีอะไรที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน และอีกสิ่งหนึ่งคือเราไม่คิดว่าเขาทั้งสองจะตลกกันได้มากขนาดนี้ ก็ต้องรอดูกันในซีรีส์ โดยส่วนตัวก็ไม่คิดว่าเป้จะเป็นขนาดนี้ได้ ส่วนเอสเธอร์ตอนแสดงก็มีเสน่ห์มาก ต้องยอมรับ
สำหรับความคืบหน้าตอนนี้ตัดต่อไปถึงตอน 6 แล้ว เดี๋ยวเดือนหน้าก็จะส่ง 20 ตอน จะออนแอร์อยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน ด้านความคาดหวังเราเป็นมนุษย์ที่มีตรรกะการคาดหวัง อะไรมันจะไม่ได้มาช่วยให้งานของเราดีขึ้น เราพยายามที่จะทำงานให้ดีที่สุด และเราก็ต้องรู้ด้วยว่าเราทำอะไรอยู่บ้าง เพื่อที่จะได้พัฒนาต่อไป แต่ถ้ามันดังแล้วผู้ชมชอบ และเกิดผลประโยชน์ต่อทีมงาน นักแสดง ก็ต้องแฮปปี้อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องที่แฟนคลับจีนยกให้เป็นราชานักปั้นคู่จิ้น เราก็กล้าพูดว่า ณ ตอนนี้เราอาจจะเป็นเจ้าที่เด็ดสุดของการส่งผลงานไทยออกไปสู่ชาวจีน ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะมองเช่นนั้น เพราะคนที่จีนชมผลงานของเราเยอะพอสมควร ก็ปลื้มและแฮปปี้มากๆ
