เปิดใจ! "ดิว" งัดหลักฐาน หลังถูกโยงตบอดีตลูกสาวส.ส.

เปิดใจ! "ดิว" งัดหลักฐาน หลังถูกโยงตบอดีตลูกสาวส.ส.

    “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังลูกสาวอดีตส.ส. เข้าแจ้งความ หลังถูกทำร้ายร่ายกาย รับตนเองถูกจิกหัวก่อน 

    เรียกได้ว่าเกิดเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังให้ความสนใจกันหนักมากหลังจากมีข่าวลือว่า นางร้ายหน้าสวย อักษรย่อ “ด” ทำร้ายร่างกายลูกสาวอดีตส.ส. กลางผับย่านทองหล่อ ซึ่งทางฝั่งของลูกสาวส.ส. ได้เดินเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สน.ทองหล่อเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ว่าได้ถูกดาราสาวนางร้าย อักษรย่อ “ด.” ทำร้ายร่างกายในผับย่านทองหล่อเมื่อค่ำคืนวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากไม่พอใจเพราะเดินชนกันในผับ

   ทางลูกสาวของอดีต ส.ส. “นางสาวกวิศรา ณ กาฬสินธุ์” ได้เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันที่สน. ทองหล่อว่าตนได้ชนเข้ากับดาราสาว จนเป็นเหตุทำให้มีปากเสียงและทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น ทำให้เธอเองได้รับบาดเจ็บ และต่อมาก็ได้รับสายโทรศัพท์ข่มขู่จากฝั่งดาราสาวให้มาขอโทษ ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้ายร่างกาย จึงขอเข้าแจ้งเรื่องไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งหลังจากเกิดเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความก็เกิดเป็นประเด็นว่านางร้ายเซ็กซี่อักษรย่อ “ด.” คือใคร หลายเสียงโยงไปเป็นนางร้ายสุดแซ่บ  “ดิว อริสรา" ล่าสุดเธอเองได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงประเด็นนี้ โดยเธอเผยว่า

     หลังจากที่ได้เห็นข่าว เชื่อว่าทุกคนคงคิดว่าเป็นเราที่ได้ทำ จะขอเท้าความก่อนว่าจริงๆ เราก็ไปเที่ยวตามภาษาวัยรุ่น และเป็นปกติที่สถานบันเทิงจะมีคนเยอะ ตอนนั้นเราเดินไปเข้าห้องน้ำกับพี่ตามปกติ ซึ่งทางเข้าห้องน้ำเป็นทางเดิน ช่วงนั้นมีผู้หญิงมาชน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่เรากลับโดนจิกหัวเกือบติดพื้น และมีบอดี้การ์ดของทั้งตัวเขาและของทางร้านมาประกบ ตัวเราก็สู้ไม่ได้ ภาพที่เอามาเป็นหลักฐานคือในวันที่เราโดนจริงๆ เป็นรุ่นน้องที่ถ่ายไว้ เพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนั้นพอมีการ์ดเข้ามาเกี่ยวข้อง กลายเป็นว่าไม่มีใครช่วยเราได้ เพราะเราเข้าใจว่าเขามาพร้อมกับการ์ด มีคนเดียวที่เข้ามาช่วยคือรุ่นน้องที่เป็นผู้ชาย ตอนนั้นเราปล่อยเขาแล้วแต่เขาไม่ปล่อยเรา จนน้องต้องไปกัดแขนถึงยอมปล่อย หลังจากนั้นจึงมีโอกาสได้เคลียร์กัน พูดตรงๆ จากใจว่าได้ตะโกนไปว่า “ -เป็นใคร เปรี้ยวมากหรอ” ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เป็นเด็กทำไมต้องมีบอดี้การ์ด แต่เรามั่นใจว่าไม่ได้ทำก่อน มันรู้สึกไม่โอเค แต่คิดว่าหลังจากนั้นเขาน่าจะเห็นหน้าเราว่าเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งเหมือนกัน ตอนนั้นรู้สึกเสียความรู้สึกมาก

     จริงๆ ไม่อยากพูดแบบนี้ให้ร้านเสียหาย หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ก็มีเพื่อนที่เรารู้จักโทรมาหาทันที บอกว่า อย่าไปถือสาอะไรเลย ขอให้เรื่องจบเถอะ แต่เราตอบกลับไปว่าน้องอายุน้อยกว่าแต่แต่มาทำแบบนี้มันไม่ใช่ ทางนั้นติดต่อมาหาเรา 3 รอบ ยอมรับว่าเพิ่งรู้ข่าวว่าอีกฝ่ายไปแจ้งความ จริงๆ แล้วอีกฝ่ายส่งข้อความมาขอโทษตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว

     ซึ่งก่อนที่จะขอโทษได้นัดเจอกัน ส่วนตัวอยากเคลียร์ให้จบอยู่แล้ว แต่เคลียร์ในที่นี้คือไม่ได้นัดเพื่อจะทำร้ายเขา สิ่งที่ต้องการจะเคลียร์คือด้วยความที่เคยเห็นกันมาก่อน ไม่อยากจะมองหน้ากันไม่ติด เราแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงทำกับเราแบบนั้น สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ยอมรับว่าในอดีตจากเด็กคนหนึ่งที่ดูรุนแรง เรารู้ว่าบทเรียนของคนที่ขาดสติมันเป็นอย่างไร ตอนนี้ค่อนข้างงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคือเราต้องแจ้งความหรือเปล่า 

      ส่วนทางร้านได้ขอโทษตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว ไม่แน่ใจว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า เพราะเรามั่นใจจริงๆ ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ไม่ได้ตรวจร่างกายในวันที่เกิดเหตุ แต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อม หากจะได้เจอกันเราต้องฝ่ายกลัวเขามากกว่า เพราะเราไปจะเจออะไรก็ไม่รู้ บอกตรงๆ ว่ากว่าจะมีชื่อเสียงวันนี้มันไม่ง่ายเลย ผ่านอะไรมามากเหมือนกัน พอเป็นข่าวแล้วออกสื่อไปผลกระทบต่อเราค่อนข้างเยอะ เพราะอดีตเราเคยเป็นอย่างนั้น รู้สึกว่าควรต้องออกมาพูดได้แล้ว ถามว่าน้อยใจไหม คือจะพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเราเคยเป็นแบบนั้นมาจริงๆ คนเราผิดพลาดได้ แต่ก็เปลี่ยนตัวเองได้เช่นกัน ไม่อยากให้ทุกคนมองใครจากเรื่องในอดีต ถ้าเป็นดิวในอดีตคงโกรธเขาไปแล้ว คนเราเปลี่ยนกันได้ ถ้าตอนนี้อีกฝ่ายคิดได้ก็ดีใจด้วย

       ด้านหวานใจ “ไผ่ วันพ้อยท์” ทราบเรื่องแล้ว ตนเชื่อว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เขาก็ยินดีพร้อมช่วยและคอยซัพพอร์ตเราเสมอ แต่เขาขอให้เป็นเรื่องของผู้หญิงดีกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่มีผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้องก็เดี๋ยวเจอเขา นั่นคือสิ่งที่เขาพูด ไผ่ วันพ้อยท์ ก็คือ ไผ่ วันพ้อยท์ เขาก็ไม่มีพูดหนุมหนิม แต่วันนี้สิ่งที่ตนเข้าใจเสมอมาคือเรื่องของผุ้หญิงกับผู้หญิง และตนก็เข้าใจว่าตนเอาอยู่ในการที่เขามาขอโทษ และตนก็ให้อภัย แต่กลายเป็นเรื่องมันบานปลายไปไกลมาก

       ตนก็ไม่รู้ว่ามันจะจบยังไง แต่ถามว่าเอาเรื่องอะไรไหม ก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไรหรอก ถ้าตนไม่ได้เจ็บอีก ถ้ามีฟีดแบ็คเกี่ยวกับเรื่องคดีความอะไร ตนก็พร้อม เพราะว่ามีหลักฐาน ตนบริสุทธิ์ใจจริงๆ แต่ถ้าไม่จบและเป็นแบบอื่นก็ต้องใกช่วยตนด้วย ส่วนตัวตนขอจบด้วยการให้อภัยเขาและก็โพรเท็คตัวเอง แต่ก็คงไม่ได้เอาเรื่องอะไรแล้ว อยู่ที่ความคิดของเขาแล้ว แต่ตัวของตนคือจบ ตนเคยผ่านมาหมดแล้ว และก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเรื่องแบบนี้ ตนคิดว่าวันหนึ่งเขาจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องดี ตอนนี้ตนก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรว่าเขาจะขอโทษ ทุกอย่างมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำอะไร และใครเป็นอย่างไร คำขอโทษไม่ได้เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ว่าตนจะสบายใจขึ้น มันก็เป็นแค่คำๆ หนึ่ง แต่ถ้าเขาคิดได้ตนก็ดีใจกับเขา แต่ถ้าเขาคิดไม่ได้ก็แล้วแต่