แผ่นดินร่ำไห้ อาลัย “องค์ภูมิพล”
วันนี้ (27 ตุลาคม 2560) มีขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 5 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ภาพฝูงนกกระยางขาวบินวนเหนือพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ถือเป็นความอัศจรรย์ในค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2560 อันเป็นค่ำคืนแห่งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ พระราชวงศ์ และผู้นำทั่วโลก รวม 42 ประเทศ เข้าร่วมน้อมส่งเสด็จและแสดงความอาลัย และเมื่อวินาทีหมู่ควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา หัวใจของพสกนิกรชาวไทยล้วนแตกสลาย พร้อมเสียงร่ำไห้ปกคลุมพื้นที่แผ่นดินไทย
และในเวลา 08.43 น. วันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ท่ามกลางการรอรับเสด็จของประชาชน ต่อจากนั้น ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 5 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
สำหรับพระโกศทองคำลงยาทรงพระบรมอัฐิ ออกแบบโดย คุณอำพล สัมมาวุฒธิ นักวิชาการช่างศิลป์เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม (วิจัยและพัฒนาศิลปกรรม) สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ในทรง 9 เหลี่ยมตลอดองค์ ประดับเพชรรัตนชาติ รวม 5,368 เม็ด อย่างสมพระเกียรติ โดยสื่อถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หรือ 9 คำพ่อสอน อาทิ ความเพียร, ความซื่อสัตย์, ความดี, คุณธรรม, ความรู้ตน, ความพอดี และพอเพียง
ส่วนยาสีที่ใช้ตกแต่งพระโกศ มี 3 สี ได้แก่ สีเหลือง เป็นสีประจำวันพระราชสมภพ สีแดง สีแห่งความเข้มแข็ง การหลอมรวมดวงใจของคนในชาติ และ สีเขียว สีแห่งความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของประเทศด้วยพระเมตตาบารมีแด่ประชาชนทุกภาค ถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร จะประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อให้คนรุ่นลูกรุ่นหลังได้สืบต่อปณิธานตราบนิจนิรันดร์