“โอปอล์” ขอให้เวลา “อลิน-อลัน” มากที่สุด คาดเข้าโรงเรียนตอน 3 ขวบ
เรียกได้ว่าเป็นคุณแม่ที่แซบสุดๆ อีกคนเลยก็ว่าได้ เพราะถึงจะมีลูกแฝดแล้วแต่ความแซบก็ไม่ลดลงเลยสำหรับ “โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล” คุณแม่ของฝาแฝด "น้องอลิน" และ "น้องอลัน" ที่ตอนนี้น้องๆ เข้าสู่วัยสองขวบแล้ว เรียกว่าโตไวจนคุณแม่ใจหายเพราะกลัวว่าลูกๆ จะไม่ติดแม่เหมือนเดิม และไม่รู้ว่าสาว "โอปอล์" จะเปิดใจให้ "น้องอลิน-น้องอลัน" รับงานบ้างไหมเพราะแอบเห็นน้องๆ มีงานถ่ายแบบออกมา วันนี้มีโอกาสเจอสาว "โอปอล์" ทั้งทีก็เลยให้มาอัพเดทกันสักหน่อย
สำหรับการรับงาน ทุกวันนี้รายการทีวีตนไม่ทำเลยและอีเว้นท์ก็ไม่รับ วันๆ ก็ตื่นมาทำกับข้าวให้ลูกให้สามีและมันก็ใช้เวลาทั้งวัน หากิจกรรมให้ลูกทำ เพราะลูกๆ ตอนนี้ 2 ขวบมันเป็น 2 ปีที่เร็วมาก พอเขาเข้าโรงเรียนก็จะเป็นวัยรุ่นเลย ตอนนี้ตนเลยหาเวลาอยู่กับเขาเยอะ ให้มากที่สุดในตอนที่เขายังอยากให้ตนกอดอยากให้ตนอุ้ม เรื่องงานจริงๆ แล้ว "พี่โอ๊ค" ก็ตามใจตนหมดทุกอย่างแต่ตนไม่รับเอง อย่างแต่ก่อนตนมีความสุขเวลาไปอีเว้นท์ที่ต้องไปเจอเพื่อน แต่ตอนนี้แค่แต่งหน้าจะออกจากบ้านก็ร้องไห้แล้ว คิดถึงลูก
ตนก็เลยคิดว่าถ้าลูกเข้าโรงเรียนแล้วค่อยว่ากัน ตั้งแต่ระยะเวลา 2 ปีมานี้ ตนรับรายการที่เป็นพิธีกรแค่รายการเดียวเอง อีเว้นท์ก็อาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้งในเดือนนี้มีแค่ 2 งาน ส่วนอายุของลูกที่จะให้เข้าโรงเรียนตนว่ามันแล้วแต่คน บางคนขวบครึ่งเข้า บางคนสองขวบเข้าแต่ว่าตนอยากให้ลูกเข้า 3 ขวบและถ้าลูกเข้าไปเรียนตนก็ไม่ห่วงเเล้วเพราะลูกดูแลตัวเองได้ ก็คิดว่าถ้าลูกเข้าโรงเรียน ตนก็จะกลับมาทำงาน พอคิดไปคิดมามันก็ต้องมีคนไปรับไปส่งก็คงต้องเป็นเราอีกอยู่ดี
ถ้าถามว่าผันตัวไปเป็นเเม่บ้านเลยไหม ตอนนี้ตนก็ไม่ทำเบื้องหน้า ทำเบื้องหลังเพราะมีบริษัทของตนเกี่ยวกับโปรดักชั่นออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ไหนจะสบู่อีก การทำเบื้องหลังมันสนุก เพราะได้อุ้มลูกไปด้วย เพราะในออฟฟิตมีห้องตัดต่อ แต่ตอนนี้ก็เคลียร์ห้องออกเเล้วเอาลูกไปอยู่แทน ถามว่าเสียดายกับการเป็นพิธีกรไหม ตนไม่เสียดาย เพราะความสนุกมันก็ต่างกัน ตนก็โอเคกับเรื่องงานแล้วจริงๆ ตนก็ทำเบื้องหลังมานานแล้ว ตอนนี้บริษัทเบื้องหลังก็อยู่ตัวเเล้ว ดังนั้นเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยที่จะต้องหาแล้ว อย่างที่บอก ลูกเราโตขึ้นทุกวัน ตนเป็นห่วงตรงนั้นมากกว่า ลูกก็ติดตนมากและตนก็ติดลูกมาก อย่างสมมุติถ้าเรานั่งอยู่เขาก็จะแย่งกันนั่งตักเรา ก็ต้องใช้วิธียืดขาเพื่อให้คนหนึ่งอยู่ข้างบน คนหนึ่งปลายเท้า และเมื่อไม่กี่วันมานี้ตนว่าเขาตัวใหญ่เกินกว่าจะนั่งพร้อมกันได้
สำหรับล่าสุดลูกๆ ได้รับรางวัลของ ZEN ก็เลยไปถ่ายแบบ นอกนั้นก็ยังไม่มีงานอะไร งานเราก็ยังไม่พร้อมรับ ขนาดมางานวันนี้เห็นคน ตนเองยังสงสารลูก ก็เลยไม่ค่อยรับ งานที่ติดต่อเข้ามาก็เยอะ เป็นงานที่ไม่เหมาะกับเด็ก เช่น งานพวกอีเว้นท์ เราก็จะไม่ค่อยพาลูกไป นอกจากเช็คว่ามันปลอดภัยไหมหรือลำบากไหม แต่งานนี้เราสนิทกับคุณ "พีช" เขาบอกอุ้มลูกมาทักทายและกลับได้เลยนอกนั้นมันก็มีงานบางตัวที่พ่อกับแม่หรือเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ มันก็แค่ถ่าย แต่ว่าก็ไม่ได้เจอคนอย่างนี้ จริงๆ ตนว่าเด็กทุกคนก็กลัวคนที่บุกมาหาเขาเยอะๆ ก็จะตกใจ เวลาไปออกอีเว้นท์ตนก็จะบอกว่าเราไปเที่ยวกันลูก และพอมางานวันนี้ก็ดีมากมีทุกอย่างที่เด็กชอบ ไม่ว่าจะไดโนเสาร์ ลูกก็จะชอบ ตนก็จะใช้วิธีคุยกับเขาเหมือนเพื่อน ให้เขาเข้าใจโดยไม่ใช้วิธีหลอกล่อ เพราะตนว่าการหลอกล่อมันเป็นการให้ลูกจำ เลยใช้วิธีพูดตรงๆ ไป
ส่วนเรื่องโรงเรียนที่จะให้ลูกเรียนก็คงเป็นแถวบ้าน และก็ดูไว้หลายที่ เพราะพ่อแม่ทุกคนก็จะเลือกสิ่งที่ดีให้ลูก และตนกับ "พี่โอ๊ค" ก็ดูโรงเรียนที่ดี ที่มีหลักสูตร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใกล้บ้านเพื่อให้สะดวกต่อครอบครัวเรา