เปิดใจ “เจ๋ง บิ๊กแอส” ต้นทุนชีวิตติดลบเคยกินดินประทังชีวิต
เรียกได้ว่าความทุกข์และอุปสรรคต่างๆ คือเครื่องเจียระไนชีวิต หล่อหลอมทำให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็งและเติบโตขึ้น” เช่นเดียวกับแขกรับเชิญวันนี้ ที่ใครๆ รู้จักเขาในฐานะนักร้องนำของวงร็อคชื่อดัง แต่น้อยคนจะรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ เขาคนนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก “เดชา โคนาโล”
หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ๋ง บิ๊กแอส” ทำงานหาเงินดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด จนกระทั่งวันนี้มาเป็นนักร้องชื่อดัง ก็ยังต้องเจอบททดสอบทางจิตใจที่หนักหนา และกว่าจะผ่านมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เจ๋ง บิ๊กแอส” เล่าว่า “พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่เด็ก ช่วงประถมใช้ชีวิตในสลัม แม่เช่าบ้านเพิงสังกะสีอยู่แต่แทบไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะแม่ต้องทำงาน จากนั้นช่วงที่เรียน ป.3 ผมย้ายมาอยู่กับป้าแถวพระประแดง ป้าจะให้ทำงานตัดใบไม้ในสวนไปขายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน มีวันหนึ่งแบกกระสอบใบไม้เดินตกสะพานตกคลอง เกือบตาย เพราะเฉียดกับต้นไม้ที่ชาวบ้านตัดเป็นปากฉลามไว้ โชคดีแค่แขนหัก แม่เห็นว่าไม่ปลอดภัยเลยให้ย้ายไปอยู่กับป้าอีกคนที่วัดธาตุทอง ไม่นานแม่ก็พาไปเรียน ป.5 ที่ร้อยเอ็ด ก็ยังต้องทำงานหาเงินใช้เอง รับจ้างเกี่ยวข้าว รับจ้างพาวัวออกไปกินหญ้า
ถามว่าเหงาหรือน้อยใจไหมที่ไม่ได้อยู่กับแม่เอาจริงๆ ตอนเด็กผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก รู้แค่อยากอยู่กับแม่ แต่แม่ไม่สามารถเลี้ยงเราได้ เหงาก็กอดหมากอดแมวไป เลยทำให้เป็นคนมีนิสัยไม่ค่อยพูด เพราะผมเป็นคนไม่มีเพื่อน จบ ป.6 เข้า ม.1 ก็เคว้งเพราะต้องรอเงินแม่ ระหว่างนั้นผมก็ไปทำงานล้างจานแต่ไม่ได้เงิน ขอแค่ข้าวเขากิน ไม่นานลุงก็มาขอป้าว่าจะเอาผมไปช่วยเฝ้านา พอไปแล้วมันเหงามาก เลยขอลุงกลับ แต่ลุงไม่อยากให้กลับ ผมเลยต้องหนี
ช่วงนี้เป็นช่วงชีวิตที่แย่ที่สุดในชีวิต หิวต้องกินดินเพื่อประทังชีวิต แวะกินน้ำตามบ่อนา สุดท้ายก็กลับมาอยู่กับป้าเหมือนเดิม และได้เรียนต่อเพราะแม่ส่งเงินมาให้ จบแค่ ม.3”