ไม่หวังชนะ ขอแค่ได้ร้องเพลง เปิดใจ “ไอซ์” เจ้าของ “หน้ากากกระรอก”
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มนักร้องมากความสามารถ “ไอซ์ ศรัณยู วินัยพานิช” ที่ล่าสุดเพิ่งมีโอกาสเข้าร่วมรายการประกวดร้องเพลงสุดฮอตอย่าง “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซันที่ 3” ซึ่งครั้งนี้เขาเลือกที่จะใช้ “หน้ากากกระรอก” เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับหนุ่ม “ไอซ์” เขาก็เผยความรู้สึกหลังร่วมรายการให้ได้ฟังว่า
สำหรับจุดเริ่มต้น ตนเองได้รับการติดต่อมาตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว เป็นคนแรกๆ เลย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้รูปแบบรายการ ร่วมงานกับเวิร์คพอยท์บ่อยอยู่แล้ว ก็คุ้นเคย เขาก็อธิบายให้ฟัง แต่ตนเองยังนึกภาพไม่ออก และมีกำแพงสำหรับตัวเอง เพราะก็เคยประกวดร้องเพลง และประสบความสำเร็จในการประกวดที่สุด ทำให้มันมีตำแหน่งค้ำคออยู่ ไม่อยากประกวดอีกแล้ว เป็นแชมป์ไปแล้ว ก็บอกขอบคุณเขาไปในครั้งนั้น ตนเองต้องขอบคุณรายการจริงๆ ที่เขาเข้าใจ และเขาให้เวลาคิดทบทวน
พอมาในซีซั่น 2 ก็มีถามพร้อมหรือยัง ตนเองก็สองจิตสองใจ เขาเองก็บอกยังพอมีเวลา แต่สิ่งที่ตัดสินใจ คือ ทีมงานน่ารัก และให้เกียรติมากๆ มันไม่ใช่แค่การประกวดร้องเพลง สิ่งที่อยู่ในชีวิตมันร้องเพลงประจำ ไปงานจ้างก็ได้ร้องเพลง แต่คนทั่วไปไม่ได้เห็น แต่ในครั้งนี้มันเป็นการทำโชว์ให้คนได้ดูเป็นล้านๆ ไม่มองเป็นการแข่งขัน เป็นเรื่องของการทำโชว์มากกว่า เป็นคนวางโจทย์ให้ตัวเอง เหมือนเป็นการแข่งกับตัวเอง
โดยครั้งแรกเลือกร้องเพลงที่ออกแนวมิวสิคัล อยากเอาวิธีการร้องมาใส่ในเพลงถ่านไฟเก่า ถ้าฟังดีๆ ก็จะรู้ ซึ่งต้องขอบคุณคนทำเพลงที่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี พอมาในเพลงที่ 2 ก็อยากเอาความเป็นไทยเข้ามาผสมในเพลงด้วย และโชคดีที่เกิดในจังหวัดชัยนาท และมาจากสายเพลงลูกทุ่ง ขับเสภา และพอมาในยุคนี้บางอย่างก็จะหายๆ ไป พอมาในยุคนี้ก็คิดว่าจะทำยังไงดีให้เด็กรุ่นใหม่บางคนอาจไม่เคยรู้ด้วยว่า คือการขับเสภา ก็เลือกเพลงว่าอันไหนจะทำได้ ก็ได้เป็นเพลงตัวร้ายที่รักเธอ ก็มีการวางกับดนตรี R&B พอตอนจบก็ปิดด้วยลูกทุ่ง และปิดท้ายด้วยลิเก ให้คนได้เห็นการร้องที่ชัดขึ้น ภูมิใจมากๆ ที่ได้ทำ รู้สึกว่าทำให้เด็กไทยหลายๆ คนหันกลับมาดูว่ามันคืออะไรยังไง โขนหรือลิเก พอโจทย์เพลงที่ 3 ตนเองไม่อยากมาเพื่อชนะ แต่อยากท้าทายตัวเองมากกว่า ก็เลือกเพลงสากล เลือกเอาแบบไม่ต้องสื่อสารยาก ก็เลือกเพลงที่มียอดวิวสูงมากๆ ของโลก อย่าง see you again แต่ด้วยมันเป็นเพลงฟังเรื่อยๆ แต่จริงๆ ใช้เทคนิคการร้องเยอะมาก ตนเองลืมว่าคนฟังที่อรรถรสของเพลง ไม่ได้ฟังเรื่องของเทคนิค และถ้าถามนักร้องเพลงนี้ร้องยากมาก จริงๆ ถ้าให้ใช้เสียงเต็มทั้งเพลงคนฟังจะรู้สึกมีพลังมากๆ แต่อย่างที่บอก ตนเองแข่งกับตัวเอง ก็อยากลองเทคนิคแบนี้ ก็จะมีครบทุกสูตรถ้าได้ฟัง เริ่มจากเบาๆ จนพีคสูง คือไม่รู้คนฟังสังเกตไหม แต่รู้สึกดีที่ได้ถ่ายทอดเพลงนี้ออกมา
ส่วนเรื่องการเตรียมตัว เป็นในแง่ของโชว์ของเพลงมากกว่า จริงๆ คิดไปหลายๆ วีคแล้ว อย่างวีคแชมป์ชนแชมป์อยากเอาเพลงลำซิ่งมาทำ เพลงลำตัด เอามาร้อง แต่อยากแต่งกลอนหมอลำซิ่งใหม่เข้าไป ก็วานคนที่ทำได้ช่วยทำ อยากที่จะเต้นและอยากทำมากๆ แต่หลุดออกมาก่อน ก็มีคนแนะนำให้ทำในยูทูบ ซึ่งมันก็ยาก เพราะตนเองไม่ใช่คนทำเพลงเบื้องหลัง ซึ่งการมาร้องรายการนี้มันคุ้มมากๆ เอาแค่โครงสร้าง ถ้าตนเองจะเอามาทำเองก็ยากแล้ว มันต้องเป็นคนที่ทำเพลงและเบื้องหลังจริงๆ และมันไม่มีเวทีที่เราได้โชว์ด้วย
ด้านที่เลือก "หน้ากากกระรอก" จริงๆ ตอนแรกจะเอาแผนที่โลก หรือรูปโลก ซึ่งมันก็คงงจะรู้ แต่พอคิดไปคิดมา ไปนั่งตามสวนสาธารณะก็จะมีกระรอกวิ่งเข้ามา ซึ่งก็เลือกกระรอกดีกว่า รู้สึกหน้ามันเหมือนตนเองด้วย และเป็นสัตว์ที่ตื่นตัวตอลดเวลา และเคยพากย์เสียงเป็นชิปมังด้วย ก็คิดเอาทุกอย่างมันลงตัว
สำหรับฟีดแบ็คก็ดีมากๆ พอเปิดหน้ากากคนก็ชอบเพลง มันเป็นกำลังใจที่ดีในการทำงาน แต่ถามว่ารูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปไหม ก็ยังเหมือนเดิม งานหลักของตนเองเป็นงานเลี้ยงภายใน ก็ต้องบิ๊วแขกให้ได้ สายงานไม่ใช่สายงานอีเว้นท์ในห้างฯ เป็นการเลี้ยงภายใน 90 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่ได้ก็จะเป็นกำลังใจจากแฟนๆ
