“ขวัญ” ฉะกลับ “กอล์ฟ” โกหก แคปภาพ “ท่านลอร์ด” สร้างประเด็น

“ขวัญ” ฉะกลับ “กอล์ฟ” โกหก แคปภาพ “ท่านลอร์ด” สร้างประเด็น

       ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนต่างจับตาอยู่ สำหรับตวามสัมพันธ์ของอดีตคู่รักสุดหวานอย่าง “กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล” กับสาว “ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์” หลังจากที่เมื่อวานนี้ (22 มกราคม 2561) หนุ่ม “กอล์ฟ” ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นความชัดเจนของสถานะทั้งคู่ว่าเลิกรากันตั้งแต่ช่วงธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นมัเรื่องค่าสินสอดที่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกันหลายครั้ง รวมไปถึงประเด็นของมือที่ 3 ที่หลายคนต่างจับตามอง ซึ่งในวันนี้ด้านสาว “ขวัญ” ก็ขอแถลงเปิดใจเรื่องทั้งหมดให้ได้ฟังว่า

      คือจริงๆ วันนี้ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสที่จะออกมาพูด เจตนาจริงๆ ไม่ได้จะทำร้ายใคร เหมือนกับเราที่ทำงานในวงการบันเทิงตลอดสิบปี เราไม่เคยพูดให้ร้ายใคร ก็จะพูดในส่วนของเรา สถานการณ์ตอนนี้เราต้องเดินออกจาชีวิตเขาแล้ว และเขาไม่ได้มีความชัดเจนให้กับแฟนคลับ แต่ว่าที่เราทำได้ในตอนนั้นคือเราไม่อยากหลอกความรู้สึกของแฟนคลับที่ให้ความรักความเชื่อใจที่มีต่อเราและผู้ชายคนนี้ เราจึงต้องออกมาพูดว่ามันยุติแล้วขอให้คนที่รักเราเชื่อในการตัดสินใจของเราทั้งคู่ สาเหตุไม่มีใครรู้ได้นอกจากเราทั้งคู่ ตนตัดสินใจที่จะไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ แต่ว่า เพราะว่าถ้าเราพูดออกไปความจริงมันเป็นสิ่งที่บางเรื่องก็สวยงาม บางเรื่องคนที่จะเดินออกมาจากความรักเนี่ย กว่าจะเดินออกมาได้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอยู่แล้ว และเราไม่จำเป็นจะต้องเอาเรื่องไม่ดีออกมาพูด ทำให้เราตัดสินใจที่พูดจบตั้งแต่ลงในไอจีคราวก่อน แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ จนสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราคิดว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว เดินทางมาทางนี้ดีแล้ว เราเดินออกมาจากเชาและครอบครัวของเขา

       การที่เราสองคนเลิกกันไม่ใช่เลิกรักวันสองวันหรือเป็นอาทิตย์ เราใช้ระยะเวลาที่พยายามจะอยู่ หาทิศทางที่จะอยู่มานานพอสมควร ในการที่เขาพูดว่าความรักมันคือเรื่องเงิน เขาคิดยังไงเราไม่รู้แต่สำหรับเราความรักมันคือสิ่งสวยงามมาจากความรู้สึกของเราจริงๆ ไม่อย่างนั้นเราไม่กล้ากลับไปรักพี่เขาในครั้งที่สอง หลายคนน่าจะรู้ว่าเราผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าจะมาอยู่ข้างๆ คนคนนี้ เราต้องทำร้ายคนในครอบครัวเรามากขนาดไหนบ้าง ผิดที่เราไม่ยอมเชื่อผู้ใหญ่ ผิดที่เราเชื่อมั่นในความรักมากไป เรายืนยันได้เลยว่าถ้ากลับไปใช้คำโบราณที่ว่าเชื่อผู้ใหญ่เถอะเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน เราก็คงไม่เจ็บจนถึงทุกวันนี้ มันคงไม่เหมือนเราหยิบระเบิดนิวเคลียร์เข้าที่บ้าน เราให้พื้นที่เขาเยอะมาก เราไม่เคยพาใครที่รู้สึกดีขนาดนี้เข้าไปที่บ้านเราที่เพชรบุรีเลย เรารู้สึกว่าเขาคือคนสุดท้ายในชีวิต ตอนนี้เราไม่มีคุณพ่อ เราขาดหัวหน้าครอบครัวไป สิ่งที่เป็นหลักในชีวิตของคือบ้านที่เพชรบุรี เราจึงตัดสินใจพาพี่เขาไปหาครอบครัวของเราที่นั่น ซึ่งการที่เริ่มต้นว่าจะแต่งงานกันไม่ได้มาจากคุณแม่ เป็นความคิดของคุณลุง ท่านพูดว่าอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วต่อสู้มาด้วยกันเยอะแล้วพี่กอล์ฟคิดว่าจะแต่งกับน้องไหม ถ้าอยากแต่งก็แต่งเลย ไม่มีการพูดเรื่องสินสอด และมันไม่ใช่หน้าที่ที่แม่ของผู้หญิงที่จะมาตั้งค่าลูกของตัวเอง คำว่าสินสอด แม่เราไม่เคยมานั่งตีราคาตัวเรา ค่าน้ำนมของแม่เรากี่บาทก็ซื้อไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรจนเข้าไปที่บ้าน

       คืออันนี้เราเลือกที่จะไม่พูดตั้งแต่แรก แต่เราก็ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายครอบครัวใคร ที่ผ่านมามั่นใจว่าเราทำหน้าที่ของคนที่เคยรัก เป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่ข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง ในอนาคตของคำว่าภรรยาได้ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ขอออกมาทำหน้าที่ของคำว่าลูก เรามีศักดิ์ศรี แต่ในสถานการณ์ตอนที่เข้าไปคุยกับคนที่ให้กำเนิดผู้ชายคนนี้ คนที่อยากจะฝากอนาคตกับเขาได้ มันเป็นคำพูดที่ว่ามันเป็นเรื่องสินสอด เขาไม่มีสิดสอดให้ ต้องรอให้เขาตายก่อนถึงจะเอามรดกมาเป็นสินสอดให้ อย่างที่สองคือถ้าไม่มีสินสอดให้ ถ้าแม่เธอไม่ยอมก็ท้องก่อนแต่ง อย่างที่สามเรื่องแหวนเพชร ถ้าแต่งไม่ได้ก็หมั้นเอาแหวนปลอมไปให้สิแม่เธอไม่รู้หรอก "ขวัญ" ไม่ติดที่ว่าเป็นของปลอมแต่ "ขวัญ" ไม่สามารถสวมเขาให้ครอบครัวและแม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ลูกคนหนึ่งจะต้องสวมเขาให้แม่และญาติตัวเองขนาดนี้ และการที่จะมีลูกสักคนจะต้องเกิดขึ้นจากความรักไม่ใช่ เพราะเครื่องมือของใครนี่เป็นเหตุผลที่จะปรับทัศนคติ เหตุผลนี้คุณแม่ไม่ทราบ เพิ่งมาทราบในวันนี้ เรื่องนี้มีแค่คนสนิทเท่านั้นที่รู้ 

       เรื่องนั้นได้คุยกับทางครอบครัวฝ่ายชายตอนที่ “กอล์ฟ” อยู่ด้วยมาจากการกลั่นกรอง เราไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติ เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากแต่งงาน ตอนที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เรารู้สึกว่าเรารักพ่อแม่เรามาก รักอาจารย์ทุกคนที่ทำให้เรามีวันนี้ เรารู้สึกมีความสุขกับชีวิตของเรา เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันเราคือคนนอก ตั้งแต่พา “กอล์ฟ” ไปเพชรบุรี ยังไงก็ถ้ารักกันก็อยากให้แต่งงานกัน เราฝ่าฟันมาถึงขนาดนี้ เวลาจะสอนให้คำตอบเอง เรื่องความรักของเราไม่ว่าคนรอบข้างเพื่อนไม่เห็นด้วยในการที่คนนี้มาอยู่ข้างเราแต่เราเชื่อในตัวเอง คนที่จะเป็นผู้นำเราได้ 

        เรื่องสินสอดมีการพูดคุยกันแต่คุยกันเล่นๆ เด็กกับผู้ใหญ่ เป็นคำพูดที่นั่งในรถตู้ จะให้แม่มาตั้งราคาลูก เราว่าคนเป็นแม่ทุกคน ถ้าเขารู้สึกว่าคนนี้ดูแลเราไม่ได้เขาไม่ปล่อยเราไปจากอกหรอก เขาก็ยืนยันในสถานดารณ์แบบนี้ สิ่งที่เจ็บที่สุดคือคนที่รัก ไม่รู้จักคำว่าให้เกียรติผู้หญิง เพราะเขาก็มีน้องสาว แต่เขาก็ยอมให้ท้องก่อนแต่ง ทุกอย่างมันต้องมาจากความถูกต้อง ตนอยากเดินทางในทางที่ถูก นั่นเหตุจริงๆ ที่เราเดินออกมาจากตรงนั้น คุณแม่ไม่ได้ให้การแนะนำ “พี่เจมส์” (ขวัญขอเรียก "คุณลอร์ด" ว่า "เจมส์") เพราะเรารู้จักตั้งแต่สมัยเรียน เราอยู่ในวงการเรามีเพื่อนหลายกลุ่ม การที่เขามาพูดแบบนี้มันคือเรื่องโกหก คุณแม่รู้จักกับพี่เขาเพราะเรา ไม่ได้มีเรื่องมือที่สามเลย ทุกอย่างมันมาจากความบริสุทธิ์ใจ จากที่เราสนิทกันมานานแล้ว เขาเป็นที่ปรึกษาในชีวิตมานานมากแล้ว การที่ “กอล์ฟ” แคปรูปมาปั่นต่างๆ นานา มันไม่ยุติธรรมกับบุคคลภายนอก เขาไม่ใช่ต้นเหตุที่แท้จริงที่ต้องเดินออกมา สาเหตุจริงๆ ลูกผู้หญิงต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องต้องรักศักดิ์ศรีของตัวเอง

        คนรอบตัวเราไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายมานานแล้ว สังเกตได้จากที่เรามาสนิทกับ “พี่กอล์ฟ” เราจะไม่ได้ไปอยู่กับเพื่อนคนไหนเลย คนเราถ้าจะใช้ชีวิตมาถึงขนาดนี้แล้ว เราว่าจะต้องคัดกรองแยกแยะได้ เราสามารถเลือกเดินทางในทางที่ถูกได้ เดินทางไปในทางที่ทำร้ายหรือทำลายได้ ไม่จำเป็นต้องมาสอนกันแล้ว นอกจากจะเป็นแบ็คให้กัน ตอนนี้ไม่สามารถปกป้องใครได้แล้ว

        เป็นการตัดสินใจที่ผิด ไม่เสียดายเวลาเขาเป็นคนที่อยู่ในใจเราเสมอมันเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับเรา สอนให้เรามองหลายๆ มุม และไม่ศรัทธาด้านในด้านหนึ่งเกินไป เรามีเรื่องบั่นทอนกันมาสักพัก ตลอดระยะเวลาพยายามทำให้มันมีความสุข ทำให้มันไม่มีอะไร แต่ถ้าเกิดว่าพี่เขาเศร้าจริงๆ เสียใจให้เราจริงๆ เขาคงไม่มีรอยยิ้มตอนไปเที่ยวสวิสต์ ความรักไม่ใช่เกม 

         เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ผู้หญิงบางคนที่สามารถเข้าไปอยู่สถานะที่ครอบครัวมีทัศนคติแบบนี้ได้ แต่เราไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้จริงๆ เพราะเราเกิดจากความรักที่บริสุทธิ์จากพ่อแม่ เราก็อยากมีลูกที่เกิดจากความรัก 

         สาเหตุที่เลิกอีกฝ่ายรับรู้ แต่ขอไม่พูดอะไรแล้ว เรื่องธุรกิจทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเงินของเรา ไม่เคยหลอกใช้ใคร การใช้ฝ่ายโปรดักชั่นค่าทีมงานเป็นเงินของเรา ไม่มีการลงทุนร่วมกัน ทิ้งท้าย ถามว่าอยากฝากอะไรถึงอีกฝ่ายหรือเปล่าเจ้าตัวบอกไม่ฝากอะไรทั้งนั้น