"เจมส์ มาร์" เติมพลังทัวร์ยุโรปกว่าสิบวัน แย้มตอนนี้หัวใจยังว่าง ไม่เจอคนที่ใช่
เป็นอีกหนึ่งพระเอกสุดหล่อที่ครองใจสาวเล็กสาวใหญ่ทั้งประเทศ สำหรับ "เจมส์ มาร์" ซึ่งล่าสุดก็เห็นเจ้าตัวไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ทัวร์ทริปยุโรปกับเพื่อนๆ และยังได้เจอกับ 2 คู่รัก "ป๊อก-มาร์กี้" และ "หมาก-คิมเบอร์ลี" เรียกได้ว่าเป็นหนุ่ม "เจมส์ มาร์" ที่ไม่มีคู่ซะงั้น แต่เจ้าตัวก็ขำๆ และบอกว่าทริปนี้ไม่เหงาแน่นอน แถมที่ผ่านมาก็มีแฟนๆ เห็นภาพคู่สุดน่ารักของหนุ่ม "เจมส์ มาร์" และนักแสดงรุ่นพี่สุดสวย "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์" จึงทำให้หลายคนบอกว่าดูน่ารักสุดๆ จนคิดว่าทั้งคู่กิ๊กกั๊กกันหรือไม่ งานนี้เจ้าตัวจึงมาเผยถึงประเด็นเหล่านี้ว่า
เป็นทริปที่แพลนได้กระชั้นชิดมาก เพราะว่าเราก็ทำงานหนักมากมาตลอด 2-3 เดือน ก่อนจะไปเที่ยวก็ทำงานทุกวันเลย แล้วปีใหม่นี้เราก็อยากไปพักผ่อน ได้ไปรับบรรยากาศดีๆ ได้ชาร์จแบตฯ เพื่อกลับมาทำงานใหม่ได้เต็มที่เหมือนกัน เลยเลือกที่จะไปยุโรป เพราะเป็นประเทศที่เราไปแล้วเงียบๆ สโลว์ไลฟ์ อากาศดี หนาวๆ หน่อยแต่ไม่หนาวเกินไป ถือว่าเป็นทริปที่ได้นอนพักผ่อนเยอะมากๆ เพราะปกติจะเป็นคนนอนไม่ค่อยเยอะ แต่ทริปนี้นอนเกือบ 10 ชั่วโมงทุกวัน เราก็คุยกับเพื่อนๆ หลายคนที่ไป คือช่วยๆ กันคิดว่าจะเอายังไง ทำยังไง แต่ตกลงกันว่าผมขับรถให้ แล้วทุกคนจะไปไหนก็ไป คือผมชอบการไปเที่ยวแบบนี้ ขับรถไปโน่นไปนี่ ข้ามประเทศ ข้ามไปข้ามมา กลับมานอน กินข้าว แค่นั้นเอง แล้วก็ซื้อของฝากให้เพื่อน ทริปนี้ผมวางว่าอยากจะทำแค่นี้ และไม่อยากจะทำอะไรที่มันเยอะมาก ไปเที่ยวอยู่ที่นั่น 12-13 วัน ก็ถือว่าค่อนข้างยาวเหมือนกัน ไปทั้งหมด 5 ประเทศ คือผมใช้ชีวิตชิวๆ สโลว์ไลฟ์ ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวที่เขาไปไหนเราก็ไปนั่น ไปดู ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ประเทศนั้นๆ หลักๆ คืออยากไปพักผ่อน อยากไปนอนเยอะๆ เพราะว่าก่อนไปบอกตรงๆ ว่าทำงานหนักมาก ก็เลยก็นอนชดเชยให้กับตัวเอง ชาร์จแบตฯ ให้กับตัวเอง ประเทศที่ไปก็มี ออสเตรีย ฮังการี เช็ก เยอรมัน แล้วก็ฝรั่งเศษ ทุกวันนอนเยอะมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเราเอง มีกำลังใจ ได้ชาร์จแบตฯ แล้วกลับมาทำงานต่อ 2 เดือนนี้ก็งานเยอะเหมือนกัน
สำหรับที่ไปเจอพี่ป๊อก มาร์กี้ พี่หมาก พี่คิม เจอกันที่สุดท้าย คือ ปารีส ผมไปของผมก่อนอยู่แล้ว แล้วเราก็นัดกันว่าเราจะเจอกันที่ปารีส ผมมีพื่อนอยู่ที่ยุโรปอยู่แล้วด้วย คือผมบินจากที่นี่ไปกับผู้จัดการฯ และเพื่อนผู้จัดการอีกคนหนึ่งก็บินไป ผมก็จะไปเจอกับเพื่อนๆ ที่อยู่ตามแต่ละประเทศ เพราะทุกที่ที่ไปมีเพื่อนหมดเลย สมมติช่วงไหนที่เราไม่ได้อยู่กับพี่ผู้จัดการฯ เราก็ไปอยู่กับเพื่อน มันก็เป็นทริปแบบสบายๆ ไม่ได้ฟิกซ์อะไรมาก ได้เจอกับพวกพี่หมาก พี่คิม พี่ป๊อก มาร์กี้ ประมาณ 2 วันเต็มๆ เพราะพวกเขามีประสบการณ์ในการเที่ยวเยอะ เขาจะรู้หมดเลยว่าเราต้องไปกินร้านนี้ ถ่ายรูปต้องถ่ายที่นี่ อยากซื้ออะไรต้องซื้อที่นี่ คือเขาทำให้เรารู้สึกสนุกมากที่ไป ก็ไม่เหงา เพราะเขาทั้ง 4 คนไม่ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนเกิน เขาจะชวนคุยตลอด ชวนไปดูนั่นไปดูนี่ คือสนุกมาก แล้วเราเองก็ไม่ได้ไปคนเดียว เรามีผู้จัดการฯ ไปด้วย เป็นทริปแรกที่บินไปเที่ยวแล้วมีเพื่อนอยู่ที่นั่น
ส่วนเรื่องหัวใจ "เจมส์ มาร์" ตอนนี้ยังโสดอยู่ ยังไม่มีใคร โสด 100 เปอร์เซ็นต์ ก็มีเพื่อนคุยเยอะ คือในเวลานี้ผมคิดว่าไม่มีเวลาที่จะไปคิดเรื่องอื่นมาก แค่มีเพื่อนเยอะๆ รู้จักคนเยอะๆ มันดีกว่า สมมติวันนึงเราอาจจะเจอใครก็ได้ แต่เราก็ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่การมีเพื่อนเยอะๆ มันเป็นเรื่องที่ดี และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเป็นพิเศษแน่นอน อาจจะเป็นด้วยในเรื่องไม่ถูกใจ แล้วผมเป็นคนไม่มีสเป็ค มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกด้วย ถ้าเรารู้สึกว่าคนนี้ใช่เราจะรู้ตัวเอง แต่พอรู้ตัวเองนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเราจะทำไม่ทำเราเป็นคนคิดเยอะ เพื่อนในวงการมีคู่กันหมดแล้ว เราก็ดีใจ ยินดีกับเขาด้วย เป็นเรื่องน่ารัก แต่เราเองยังไม่มี ยังไม่เจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ แล้วก็ไม่รีบด้วย เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
สำหรับถ่ายแบบคู่กับพี่เจนี่ อันนั้นคือผมรู้สึกดีใจนะที่ไปถ่ายนิตยสารกับพี่เจนี่ แล้วคนตอบรับว่าน่ารัก คือต้องบอกก่อนว่าพี่เจนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม เราก็สนิทกัน แล้วผู้จัดการฯ พี่เจนี่ก็สนิทกับผู้จัดการฯ ผม แล้วเราก็ทำงานร่วมกันปีนึ่งก็มี 2-3 งานเหมือนกัน ซึ่งวันนั้นนิตยสาร Honeymoon Travel ผมกับพี่เจนี่เคยไปทำงานให้กับแบงค์ค็อกโวตารี่ครั้งนึง เขาเป็นสปอนเซอร์ให้กับนิตยสารอันนี้ เราก็เลยไปถ่ายเหมือนทำงานปกติ แต่เซอร์ไพรส์ว่าแฟนคลับชอบความน่ารักของภาพที่ออกมา การทำงานมันราบรื่นมากเลย เพราะเหมือนว่าเราเจอกันบ่อยจนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว เลยทำงานง่ายขึ้น แล้วพี่เขาก็เก่งมาก เป็นครั้งแรกที่เราได้ถ่ายแบบกับพี่เขา ด้วยภาพ Honeymoon Travel ดูน่ารักๆ หน่อยมันก็เลยเกิดประเด็นขึ้นมา ตอนถ่ายไม่เขินนะ แต่อาจจะยิ้มๆ สังเกตภาพที่ออกมาจะเป็นภาพที่หัวเราะ เพราะเวลาเรามองหน้ากันก็หัวเราะ จริงๆ มันเป็นแบบพี่น้องคุยกัน พอถ่ายเสร็จเราก็คุยกันอยู่แล้ว ไม่ใช่ถ่ายเสร็จแล้วไม่มีการคุย คือปกติก็จะคุย จะปรึกษาพี่เขาบ้าง ยืนยันไม่ได้กิ๊กกันนอกจอ
ส่วนเรื่องที่ไปล้างศาลพระภูมิ คือเป็นสิ่งที่ผมทำตลอดอยู่แล้ว ก่อนที่ผมจะเข้าวงการอีก เป็นสิ่งที่พี่เอเคยมอบหมายให้ผม ผมก็โอเค แต่พอเริ่มดัง เริ่มมีงาน ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้กลับไปบ้านพี่เอ ล้างศาลพระภูมิ เช็ด รดร้ำต้นไม้ มันเป็นสิ่งที่ผมทำตั้งแต่ตอนเด็กๆ ถามว่าทำไมตอนนี้ไม่ทำ ผมไม่มีเวลาไปจริงๆ แต่ถ้าวันไหนผมมีเวลาไปหาพี่เอ 1 ปีก็ 2-3 ครั้งก็จะทำ ผมมองว่าพี่เอก็อยากให้เด็กมีวินัย แต่ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้มีวินัย และเราได้กลับมาไหว้ท่านตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นผลดีกับเรา มันไม่เกี่ยวกับการเสริมดวง แต่ผมรู้ว่าผมทำแบบนี้แล้วสบายใจมากกว่า
