เปิดเส้นทางรัก “อายส์-โทโมะ” ใช้ภาษาเป็นตัวเชื่อม
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอยู่ๆ ทำไมนางเอกสาวจากวิก 3 อย่าง “อายส์ กมลเนตร เรืองศรี” ถึงกำลังคบหาดูใจกับหนุ่ม “โทโมะ วิศว ไทยานนท์” ทั้งคู่ไปรู้จักกันตอนไหน และปลูกต้นรักกันได้ยังไง ล่าสุดนางเอกสาวเผยถึงที่มาที่ไปว่า
จุดเริ่มต้นของการคุยกัน จริงๆ เราเคยเจอกันมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีอะไร จนมาเจอกันที่ญี่ปุน เราก็ทักทายกันปกติ จนเรากลับมาเมืองไทยแล้วมีซีรีส์ “Notification เตือนนัก..รักซะเลย” ซึ่งต้องพูดภาษาญี่ปุ่น แล้วเราไม่รู้ว่าเสียงที่ทางกองส่งมาให้เราฟัง เราจะต้องพูดในทำนองไหน ซึ่งเราก็คิดว่าจะทำแบบให้มันผ่านๆ ไปไม่ได้ เลยคิดว่าปรึกษาโทโมะดีกว่าว่ามันควรจะพูดเสียงสูงยังไง เสียงต่ำยังไง ก็เลยปรึกษาเขา ซึ่งตอนนั้นก็คุยกันนานมาก แต่เป็นเพื่อนกันนะ ไม่มีอะไร ก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนโทบอกว่าไม่เจอกันนานเลยไปกินข้าวกันไหม ตอนไปกินข้าวอัพเดทชีวิตกัน ก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ แต่หลังจากนั้นก็ได้คุยกันเยอะขึ้น และก็นัดทานข้าวกันบ้าง ก็เลยได้เจอกันบ่อยขึ้น
ถามว่าใครเป็นคนเริ่มเปิดมาก่อนว่าชอบ จริงๆ มันเหมือนคุยกันบ่อยๆ แล้วจะรู้กันไปเอง เราก็คุยกันนะว่ายูคิดเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้คิดเหมือนกันเราจะได้รู้ คือเรารู้สึกว่าถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาคุยกับเรา ถ้าคุยกันสักพักเราก็จะรู้แล้วว่ามันต้องมากกว่าเพื่อน เราก็ต้องมาถามว่าตกลงความสัมพันธ์มันเป็นยังไง เราจะได้รู้ว่าเราควรวางหัวใจไว้ตรงไหน คือถ้ารู้ว่าเป็นแบบเพื่อนเราก็จะได้รู้ว่าแบบนี้คือเพื่อนกันนะ ไม่ได้คิดอะไร
จะเรียกว่าภาษาสื่อรักก็ได้นะ ทุกวันนี้เขาก็ยังสอนภาษาให้เราอยู่ แต่จะสอนภาษาอังกฤษ เพราะภาษาญี่ปุ่นเราไม่ได้ใช้ เคยใช้แค่ช่วงที่ถ่ายซีรีส์ ช่วงนี้ทำงานเยอะก็ไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน แต่ก็จะคุยกันตลอด เขาก็เข้าใจเรานะ เพราะเขาก็เคยอยู่ในวงการมาก่อน เขารู้ว่าเวลาเราทำงานมันเป็นยังไง แต่ถ้ามีเวลาว่างก็จะคุยกัน เขาก็ไม่ได้งอนที่เราไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน เราใช้ความเข้าใจคุยกันมากกว่า สถานะตอนนี้ก็ไม่ได้มีคำจำกัดความชัดๆ ว่าเราเป็นอะไร แต่เรารู้แค่ว่าเราคุยกันแค่สองคน และมีแต่พลังบวกให้กัน มีแต่สิ่งดีๆ ให้กัน
ทุกวันนี้คุยกับ "โทโมะ" เราก็ไม่ได้มานั่งปรับนิสัยอะไรให้เข้ากัน เขาก็เป็นเขา เราก็เป็นเรา คือเรายังไม่ได้เห็นอะไรในส่วนของเขาที่ยังไม่โอเค ตอนนี้ก็มีแต่สิ่งดีๆ ให้กัน ถ้าวันนึงเขามาขอเป็นแฟน ถามว่าจะตกลงไหม คือเราก็ต้องดูตัวเองก่อนว่าวันนั้นเรายังโอเคไหม แต่ก็ยังบอกไม่ได้ เพราะตอนนี้เราอยู่กับปัจจุบัน ส่วนอันนั้นคือเรื่องของอนาคต แต่เราก็คุยกันนะว่าถ้าวันนึงมันจะใช่หรือไม่ใช่ เราจะเป็นแฟนกันไหม แต่เราจะไม่เสียกันไปแบบกลายไปเป็นคนไม่รู้จักกัน เพราะเท่าที่คุยมาโทโมะไม่ใช่คนเสียหายอะไร โทโมะเป็นคนดี ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้ กับความรักครั้งนี้เราเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ดีก็ดี ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ตอนนี้เราก็แฮปปี้ดี
แต่เขายังไม่เคยมาเจอครอบครัวเรา พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เชิงไฟเขียว แต่ก็ไม่ถึงกับไฟแดง เหมือนให้เรียนรู้กันไป พ่อค่อนข้างเคารพเรา เพราะเราก็บอกพ่อว่า เราดูแลครอบครัว ทำงาน และก็โตมาในระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องดูในระดับนึงแล้ว แต่เดี๋ยวเราก็จะพามาให้พ่อกับแม่รู้จักเมื่อถึงเวลาที่โอเค พ่อกับแม่ก็มีถามบ้างว่าเมื่อไหร่จะพามาเจอ แต่เวลายังว่างไม่ตรงกัน ครอบครัวของโทโมะก็น่ารัก ตอนที่ไปญี่ปุ่นคุณแม่ก็ฝากของมาให้ เป็นเครื่องรางของคนญี่ปุ่น ทางบ้านเราก็ส่งลูกชุบ ส่งขนมไปให้คุณแม่โทโมะลองชิมด้วย คุณแม่ก็บอกว่าอร่อยดี