“รอมแพง” ชม “เบลล่า” เล่นดีกว่าที่คิด เอาผิดคนแชร์ “บุพเพฯ” 20 ล้าน

“รอมแพง” ชม “เบลล่า” เล่นดีกว่าที่คิด เอาผิดคนแชร์ “บุพเพฯ” 20 ล้าน

            เรียกว่าเป็นนักเขียนมือทองไปแล้วสำหรับ "รอมแพง" นักเขียนผู้ประพันธ์นิยาย "บุพเพสันนิวาส" ที่กำลังเป็นละครเรตติ้งสูงที่สุดในเวลานี้ เราได้เปิดใจ "รอมแพง" ถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งความสำเร็จของละคร  ตัวละครต่างๆ ในเรื่อง เช่น "การะเกด" และ "บุพเพสันนิวาสภาค 2"

            ล่าสุดเธอออกมายอมรับว่า วันนี้ 9 มีนาคม ได้ส่งทนายความเป็นตัวแทนของเธอเข้าดำเนินคดีร้องทุกข์กับ ปอศ กรณีที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์บทประพันธ์ "บุพเพสันนิวาส" ในเพจแห่งหนึ่ง และมีการแชร์มากกว่า 70,000 ครั้ง และนี่คือเรื่องราวของ "บุพเพสันนิวาส" ผ่านมุมมองของ "รอมแพง"

            ตอนนี้หนังสือ "บุพเพสันนิวาส" ขาดตลาดจริง หนังสือตีพิมพ์ไป 63 ครั้งแล้วก็ยังไม่พอ ครั้งหนึ่งก็ประมาณหลักพันเล่ม กระแสที่ว่าที่จะพิมพ์หนังสือก็พิมพ์ต่อเรื่อยๆ ตามออเดอร์ความต้องการ ออเดอร์เข้ามาเราก็พิมพ์ ถ้าไม่พอก็สั่งพิมพ์เพิ่ม

            กรณีถูกละเมิดลิขสิทธินั้น เรื่องเรีกร้องค่าลิขสิทธิ์อยู่ในช่วงต้นๆ อยู่ ยังไม่ได้คิดว่าจะปรับอะไรเท่าไหร่ แค่บอกตามที่ทนายได้บอกไว้ว่าโดนค่าปรับเท่านี้ๆ แชร์เยอะแค่ไหนก็คูณไป คือเราก็บอกตามที่ทนายได้บอกไว้ ส่วนเรื่องของคดีความก็ยังอยู่ในขั้นดำเนินการ ไม่ได้ถึงขั้นปรับแต่อย่างใด แต่วันนี้เราได้ส่งทนายความเข้าแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ ปอศ  ทางสำนักพิมพ์หรือผู้จัดพิมพ์ได้ดำเนินตามกฏหมายแล้ว มีหลายรายที่ละเมิดลิขสิทธ์ไว้ เราก็แจ้งความทั้งหมดเท่าที่มีข้อมูล 
 

            จากการถูกละเมิดลิขสิทธิ ค่าเสียหายที่จะได้รับส่วนที่เสียหายก็ยังไม่ได้คิดเลย เพราะว่าในเรื่องคดีความยากอยู่ในการที่จะคิดคำนวณค่าเสียหายว่าเท่าไหร่ ก็ทำตามที่กฏหมายกำหนดไว้ ก็ยังไม่ทราบเลยว่าจะเรียกร้องอะไร 10 ล้านที่ว่าไม่ใช่แน่ๆ ค่าเสียหาย เพราะจำนวนคนที่แชร์ก็เยอะอยู่ มากกว่า 7 หมื่นแชร์ ก็ต้องมากกว่า 10 ล้าน  บางคนก็เข้าใจผิดว่าตัว "รอมแพง" เองที่ไปสร้างเพจและปล่อย แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ทนายจัดการไป ส่วนเรื่องตัวเลขก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน และไม่แน่ใจว่าจะได้แค่ไหนยังไง
 

            ที่มาที่ไปของเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" เกิดจากการที่เราเป็นนักเขียนตั้งแต่ปี 2549 ก็อยากจะเขียนนิยายย้อนยุคประวัติศาสตร์สักเรื่องหนึ่ง เพราะว่าเราก็จบทางด้านโบราณคดี ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ถึงแม้ว่าประวัติศาสตร์ศิลปะจะไม่ใช่แนวเดียวกันกับประวัติศาสตร์เฉยๆ แต่ว่าก็จะมีการอิงกันในเรื่องของศิลปะของยุคสมัย ก็อยากจะใช้ความรู้ของตัวเองแล้วก็ชอบด้านประวัติศาสตร์แล้วก็ชอบอ่านหนังสือด้านเลยตัดสินใจเขียนนิยายเรื่องนี้

            เรื่องขำขันหรือความทันสมัยที่ใส่ไปในละครหรือเรื่องที่ว่าทำไมถึงมีคำพูดออเจ้า หรือพวกหมูกระทะเข้าไปใส่ในละครเป็นเพราะว่าเราคิดแค่ว่าถ้าตัวเองเป็นคนเข้าไปอยู่ในยุคนั้น เราจะทำอะไรบ้าง คิดแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นตลกอะไร แต่เราคิดว่าก่าระเกดในยุคนั้น ต้องเป็นตัวละครแบบนี้คือตลกๆ หน่อย ที่ว่าสื่อบางสื่อเขียนว่า "การะเกต" หรือ "เกศุรางค์" คือตัวตนตัวแทนของ "รอมแพง" อันนี้ก็ไม่ใช่นะ เป็นตัวละครตามจินตนาการ แค่เราจะใส่ความเป็นตัวเราลงไปบ้าง ตามความคิดของตัวละคร แต่ถ้าจะบอกว่า "เกศุรางค์" คือตัว "รอมแพง" นี่ไม่ใช่เลย  

            ส่วนคาแรคเตอร์ของ "เบลล่า" เธอคือ "การะเกด" เลยใช่ไหม "เบลล่า" ทำดีกว่าที่คิดไว้เยอะ แสดงดีมาก

            ด้านภาคสองก็ยังอีกนานยังไม่ได้ลงมือเขียนเลย เพราะมีนิยายเรื่องอื่นๆ ที่ต้องเขียนก็ทำตามลำดับไป ตอนนี้เขียนเรื่องเกี่ยวกับโลกอนาคตประมาณ 2-3 พันปีต่อจากนี้ ก็ไม่ใช่นิยายประวัติศาสตร์ แต่จะเป็นแนวเทคโนโลยี

            กับละครมองความสำเร็จนี้อย่างไร ก็คิดว่าจะดัง แต่ไม่คิดว่าดังขนาดนี้ คือตอนที่เขียนเราก็มองว่าในยุคสมเด็จพระนารายณ์มีเรื่องราวให้หยิบยกขึ้นมาเขียนเยอะ