"ณัฐ ณัฐรัฐ" อัพเดทอาการป่วยคุณพ่อ ลั่นตั้งใจดูแลท่านเต็มที่
"ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง" เผยอาการคุณพ่อผ่าตัดเรียบร้อยปลอดภัยดี บอกหลังจากนี้ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น เปรยใช้เวลารักษามา 1 ปีอาการดีขึ้นมาก รับกังกลค่ารักษาพยาบาลหลังหมดกว่าล้านบาทเพราะตนเป็นลูกคนเดียว ลั่นตั้งใจจะดูแลคุณพ่อให้เต็มที่
หายหน้าหายตาไปเลยสำหรับหนุ่ม "ณัฐ ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง" ที่ต้องรับงานน้อยลงเพราะต้องไปดูแลคุณพ่อที่มีอาการโรคหัวใจ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวเลยไม่พลาดที่จะอัพเดทอาการสักหน่อย
ตอนนี้คุณพ่อผ่าตัดเรียบร้อยแล้วทุกอย่างปลอดภัยดี แต่หลังจากนี้ท่านก็ต้องคอยดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ส่วนผมก็ต้องคอยศึกษาตำราที่เกี่ยวกับการรักษาเรื่องการกินด้วย เพราะถ้าหากกินผิดวิธีอีกจะทานยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย แต่อย่างที่บอกอาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างผลตรวจครั้งล่าสุดในสมองก็ไม่ได้มีเลือดไหลเพิ่มขึ้นแล้ว ปริมาณเลือดก็ลดน้อยลง ถือว่าทุกอย่างโอเคขึ้นมากแล้ว
ส่วนตอนที่เราโพสต์ประกาศขอรับบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือคุณพ่อไปคนก็โทรติดต่อกลับมาเยอะมากเลย เขาอยากจะให้ความช่วยเหลือกัน แต่ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นผมโทรไปเช็คที่คลังเลือดเจ้าหน้าที่เขาก็แจ้งว่าไม่ได้รับเลือดอะไรเลย เนื่องจากมันเป็นวันที่ฝนตกน้ำท่วมก็เลยไม่มีใครสามารถมาได้ สรุปวันนั้นคุณหมอก็เลยตัดสินที่จะไม่รอและให้คุณพ่อเข้ารับการผ่าตัดเลยทันที แต่จังหวะนั้นมันก็มีโชคดีขึ้นมา คือมีคนเขาเอาเลือดมาให้ก็เลยทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากนี้จะต้องระมัดระวังต้นเหตุทุกอย่างน่าจะเกี่ยวข้องกับการทายาเพราะพอคุณพ่อผ่าหัวใจเสร็จท่านก็ต้องทานยาละลายลิ่มเลือดสำหรับหัวใจ มันก็เลยทำให้มีการของเลือดที่ไหลในสมอง ดังนั้นถ้าหากหยุดทานยาก็จะไม่มีเลือดที่สมองแต่หัวใจจะหยุดทำงานดังนั้นมันก็เลยค่อนข้างยากนิดหนึ่ง ตอนนี้ครอบครัวเราก็เลยตัดสินใจเลือกที่จะหยุดทานยาหัวใจไปก่อน คือเราก็ต้องลองเสี่ยงดู
ตอนนี้ก็รักษาคุณพ่อมาเกิน 1 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าท่านอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ถามว่าอะไรที่น่าห่วงสุด ก็อย่างที่บอกถ้าหากหยุดทานยาหัวใจสมองท่านก็จะดี แต่เราก็จะมีความกังวลอีกเหมือนกันว่าหัวใจท่านจะดีหรือเปล่า นอกจากนั้นแล้วคุณพ่อก็ยังมีอาการของต่อมลูกหมากโตตามอายุ ดังนั้นถ้าหากในอนาคตคุณพ่ออาการดีขึ้นกว่านี้ก็คงจะให้คุณหมอช่วยผ่าตัดให้ท่านไปเลย
ยอมรับลำบากนิดหนึ่งกับค่ารักษาพยาบาลเพราะบางครั้งก็เบิกไม่ได้ อีกอย่างเราเองก็เป็นลูกคนเดียว ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมต้องจ่ายเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้หนักมากเพราะเราก็ทำเท่าที่เราไหว หากวันหนึ่งไม่ไหวก็คงต้องหยุดแค่นั้น แต่วันนี้ผมยังไหว ถามว่าจนถึงตอนนี้ใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลคุณพ่อไปเท่าไหร่แล้ว จริงๆ ก็เป็นหลักล้านแล้วครับ คือมันก็เกินกว่านั้นนั่นแหละแต่เราเองก็ไม่กล้านับเท่าไหร่ ผมขอแค่ทำหน้าที่ลูกให้เต็มที่ดีกว่า ส่วนเรื่องเงินยังไงมันก็เอาไว้ใช่สำหรับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะเอาไปใช้เพื่อซื้อของสวยหรู นี่คือความคิดผมนะ อย่างทุกวันนี้ผมก็ยังใช้รถคันเก่าอยู่เหมือนเดิม คือขอแค่เวลาที่พ่อแม่เป็นอะไรเรามีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายสำหรับช่วยเหลือท่านก็พอ
ส่วนนอกจากงานละครที่เป็นหลักแล้ว เรายังมีงานเสริมอื่นๆ อย่างเล่นหุ้น นอกนั้นผมก็รับงานจัดรายการ ถ่ายแบบ คือมันยังไปได้อยู่เรื่อยๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องที่ดูผอมลงอันนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าผมเครียดหรืออะไรนะ แค่ผมไม่ค่อยมีเวลามากกว่าเพราะตอนที่พ่อรักษาตัวในโรงพยาบาลผมกับแม่ก็ต้องสลับกันไปเฝ้า มันเลยทำให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ แต่พอช่วงนี้อาการของพ่อดีขึ้น ผมก็ตั้งใจว่าจะกลับไปเล่นกล้ามเหมือนเดิมแล้ว