มองออเจ้าผ่านนักสื่อสารมวลชน

มองออเจ้าผ่านนักสื่อสารมวลชน
            ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองสำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ดูจากปรากฏการณ์ออเจ้า อาทิ คนแห่ไปเที่ยววัดไชยวัฒนาราม กันมากมาย ที่ จังหวัดลพบุรี และ อยุธยา มีการจัดงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมกันแทบวันเว้นวัน มองในอีกมุมสำหรับนักวิชาการสื่อสารมวลชน สองท่านมองเความฮิตเหล่านี้เกิดจากปรากฏการณ์ทางสังคมบวกกับฝีมือของบรอดคาซท์ฯ ผู้จัดละครล้วนๆ “ผศ.ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ” อาจารย์นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านการสื่อสารมวลชน

            ต้องยอมรับว่าละครเรื่องนี้ผลิตโดยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การเขียนบท ตัวเรื่อง การถ่ายทำต่างๆ ผมว่าทำได้ดีแล้ว เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ทันสมัย คือเราลองนึกว่าถ้าย้อนกลับไป 10-20 ปี ผมคิดว่าวิธีการเล่าเรื่องของละครเรื่องนี้เขาจะไม่เล่าด้วยวิธีแบบนี้ เพราะฉะนั้นวิธีเล่าเรื่องนี้ทันสมัยก็ทำให้สนุก แล้วก็โดยเทคนิคการเขียนบทที่ดึงดูดผู้ชมจากเริ่มเรื่อง โดยที่เริ่มเรื่องจะเป็นแนวคอมเมดี้ ยังไม่ลงเชิงลึกอะไรมาก แต่ก็ทำให้สนุกและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เป็นจุดเริ่มต้นว่าเรื่องนี้ดี

            แล้วส่วนที่ว่าสร้างปรากฏการณ์ได้ยังไงผมว่ามีสองสามประเด็น อย่างแรกคือ อย่างที่สภาพสังคมบ้านเมืองเราตอนนี้ไม่มีประเด็นทางสังคมที่ใหญ่โตอะไรที่ทำให้คนเอาใจไปจดจ่อ เราลองนึกถึงบ้านเมือง มีปัญหาม็อบชนม็อบ หรือ เทศกาลกีฬา ทีนี้พอบ้านเมืองไม่มีประเด็นทางสังคมอะไร ข่าวเองก็ไม่มีอะไรให้เล่นแล้ว มันก็เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้มาสนใจละคร แล้วสื่อก็มีพื้นที่ข่าวในการเล่น แล้วก็อาจจะประกอบกับเรื่องของความรู้สึกของคนดู เลยทำให้กระแสเกิดและติดขึ้นได้

            ข้อสังเกตของผม คือ เหตุการณ์ตอนยุคพระนารายณ์ ไม่ค่อยมีใครหยิบมาทำละคร ทั้งที่เป็นช่วงเวลาสำคัญมากมาย แต่เราไม่ค่อยเล่น อาจจะเป็นเพราะช่วงเหตุการณ์ของพระนารายณ์ไม่เจาะจงถึงเรื่องความรักชาติ เสียสละ แต่มีความดราม่าของบุคคลหลายคนในยุคนั้น

            ด้าน “น้ำนุ่น ณทิตา ทรัพย์สินวิวัฒน์” พิธีกรรายการข่าวบันเทิง และอาจารย์พิเศษ มศว ประสานมิตร เผยถึงกระแสออเจ้าว่า เราดูละครเรื่องนื้ทุกตอน สนุกมาก เรื่องนี้ต้องยกนิ้วให้ทีมงานทุกคน บทละครแข็งแรงมาก เขียนมาสนุก มีเรื่องราวร่วมสมัยมาร่วม ไม่ว่าเครื่องกรองน้ำ หมูกระทะ จนกลายเป็นละครคอมเมดี้ ที่สนุกมากเรื่องนี้ เรื่องนี้เส้นเรื่องแข็งแรง เล่าประวัติศาสตร์ให้สนุกได้ เก่ง จนทำให้คนดูไปสืบค้นต่อ ว่าในยุคพระนารายณ์เป็นอย่างไร ยุคนี้เราเรียนในวิชาสังคม เป็นจุดสำคัญ

            พอดูละครก็ย้อนไปค้นหาว่ามาถึง "พระเพทราชา - พระเจ้าเสือ" คนเขียนบทเก่งมากๆ ด้วยความสนุกของละครเรื่องนี้ และเธอบอกอีกว่า การแคสต์นักแสดง “เบลล่า ราณี แคมเปน” เก่งมาก ในบท “การะเกด” จับต้องได้ ไม่ได้เป็นนางฟ้า พระเอกเป็นตัวละครที่เป็นอะไรที่หล่อ นิ่ง คนชอบทั้งเรื่อง และตัวละครคนดูอิน สนุกลงตัวมาก

            สิ่งพิเศษของเรื่องนี้อีกอย่าง คือ สามารถทำให้คนที่ไม่ดูละคร ดูละครเพราะการเอาประวัติศาสตร์มาเล่าได้อย่างสนุก และทำให้คนเอาไปคุยกันต่อในวงสนทนาในตอนเช้าอีก