ฟังจากปาก “ครูใหญ่เอ๊ะ” ภารกิจดันสาวๆ “BNK48” สู่ฝัน
เชื่อว่าเมื่อพูดถึงสาวๆ “BNK48” ทุกคนต้องเซย์เยสว่ารู้จักพวกเธออย่างแน่นอน เพราะหลังจากสร้างฟีเวอร์ “คุกกี้เสี่ยงทาย” มาข้ามปี พวกเธอก็ดังเปรี้ยงเป็นพลุแตก เดินสายออกงานแสดงและกวาดรางวัลศิลปินหน้าใหม่ไปเต็มมือ กลายเป็นไอดอลขวัญใจชาวไทยเป็นวงกว้าง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างกระโดดเข้ามาร่วมเสี่ยงทายไปกับพวกเธอ ซึ่งเบื้องหลังหนึ่งของความสำเร็จ ไม่เพียงความทุ่มเทพยายามของสาวๆ เท่านั้น แต่ต้องอาศัยเทรนเนอร์ที่ดีและนำพวกเธอไปถูกทิศ อย่าง “ครูใหญ่เอ๊ะ ซินโดรม” หรือ “เอ๊ะ ละอองฟอง” หรือ “พงศ์จักร พิษฐานพร” นั่นเอง ไปฟังจากปากถึงภารกิจในการดันสาวๆ ให้ถึงฝั่งฝันด้วยกัน
สำหรับบทบาทของครูใหญ่ BNK 48 จริงๆ ก็จับพัดจับผลูได้มาทำ พอมาทำเสร็จมันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเราจริงๆ เพราะว่าเราไม่เคยได้สัมผัสอะไรแบบนี้มาก่อน แต่สิ่งที่เรามีก็เรื่องของการต่อสู้ เรื่องของความพยายาม ก็พยายามสร้างทักษนคติที่ดีในการที่เป็นไอดอล เพราะอย่างที่บอกว่าเราแค่สอนร้องสอนเต้นอย่างเดียวคงไม่พอ สิ่งที่เด็กจะต้องอยู่ในใจและความคิดเสมอคือเรื่องของการต่อสู้ต่อความฝัน เพราะฉะนั้นไอดอลก็คือความพยายาม
เราไม่ได้บอกว่าน้องๆ คือศิลปินหรือว่าคนที่สามารถที่จะร้องเพลงเก่งทำเพลงได้ สิ่งที่จะพิสูจน์ให้แฟนๆ ได้เห็น คือเรื่องของความพยายามของน้องๆ เพราะฉะนั้นเราต้องให้เขาสู้กับสิ่งนี้ให้ได้แล้วก็อย่าให้เขาลืมว่าเขากำลังเดินไปข้างหน้า ทุกวันนั้นคือสิ่งที่ยากที่สุด พอระหว่างทางอาจจะเหนื่อยได้ เครียดได้ มีปัญหาได้ พักมาปรับใหม่แล้วเดินต่อไปด้วยแรงของเขาอีกครั้งนึง นี่คือหน้าที่ของเรา ตอนแรกไม่ค่อยกดดันนะ รู้สึกว่าเราเริ่มเห็นอะไรบางอย่างเพราะเราเชื่อ เราเชื่ออะไรบางอย่างว่าถ้าเราทำสิ่งนี้ แล้วเรามองเห็นภาพมัน สร้างภาพขึ้นมาในหัวว่ามันจะเกิดภาพนี้ แล้วเราก็ทำมันด้วยความเชื่อและความศรัทธาไปเรื่อยๆ แล้วภาพนั้นที่เราคิดไว้ในหัวมันก็จะชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ
เราเคยพูดอยู่ประโยคนึงตอนที่ทำแรกๆ เลยบอกว่า เราเคยเห็นแบบวงเกาหลี เขามาเมืองไทยกันแล้วห้างแตก คนเต็มสนามบินเราก็อยากจะเห็นภาพนั้นกับน้อง BNK 48 นั้นคือสิ่งที่พูดตั้งแต่แรกๆ แล้วเราก็พยายามนึกถึงภาพนั้นตลอด จนวันที่มันเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว รู้สึกว่าไม่อยากเชื่อพลังแห่งความเชื่อและศรัทธา หรือภาพที่เราสร้างมันมาไว้มีพลังมหาศาล แต่ว่าเราไม่ได้ยืนอยู่กับที่หรือว่านั่งอยู่เฉยๆ แล้วรอมัน เราก็ฝึกฝนเด็กต่อไป เราก็พยายามฝึกเด็กทีท้อว่าต้องสู้ ให้กำลังใจอย่าหยุดนิ่งต้องพยายามต่อไป และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือแฟนๆ ก็เห็นจริงๆ สัมผัสถึงจุดนั้นได้จริงๆ คือจริงๆ ตั้งแต่เขียนเพลงและเราบอกเลยว่าเพลงนี้จะดัง คือเราพูดกับ “พี่แมน ละอองฟอง” ว่า “เฮ้ยเพลงนี้ต้องดังที่สุด”
เราพูดอย่างนี้จริงๆ เพราะเราเชื่อมัน แล้วมันจะทำให้คนไทยทั้งประเทศฟังเพลงนี้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราคิดและเชื่อมัน เพราะฉะนั้นเรื่องของการทำเพลง ทำเนื้ออะไรก็แล้วแต่แก้หลายรอบเหมือนกันจนทำยังไงก็ได้ให้คนที่อยู่ต่างจังหวัดฟัง ชาวสวนฟัง ชาวบ้านฟัง แม่ค้าฟัง ใครก็ได้ที่ฟัง นี่คือการเข้าถึงทุกตลาดทุกกลุ่มจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องไปลำดับแรกก็คือ เรื่องของเพลงก่อน ใครก็ได้ที่ฟังเพลงแล้ว เพลงน่ารักดีอยากฟัง พอหันไปเห็นน้องๆ ก็เป็นไอดอลก็น่าสนใจนะ ส่วนจะเป็นยังไงก็ต้องมีสตอรี่ ทุกคนมาจากการต่อสู้นะ มันมีเรื่องต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายคนก็สนับสนุนแล้วก็รักน้องๆ ขึ้นมา นี่คือสิ่งที่ต้องทำก่อนคือเครื่องมือแรกคือเพลง
ตอนนี้ดีใจเพราะเราเหนื่อยกันมาตลอด เกือบ 2 ปี ปีกว่าๆ ก็เห็นทุกคนตั้งใจ แล้วก็สร้างภาพที่เราเคยฝันไว้ให้มันชัดๆ ขึ้นทุกวัน แล้วก็เราก็มองต่อว่าวันนี้เราเดินมาถึงตรงนี้แล้ว เราต้องพาน้องๆ เดินต่อไป อย่างที่บอกว่าน้องๆ เป็นไอดอลคือความพยายาม เพราะฉะนั้นจงอย่างลืมว่าเรามาจากไหน เราต้องเริ่มจากความพยายาม และต้องเดินไปข้างหน้าต่อ อย่าหยุดเดิน หยุดเมื่อไหร่ เราก็จะไม่ได้คุณค่าในสิ่งที่เราฝันไว้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้ การรักษาความพยายามของน้องเอาไว้และจุดสูงสุดของน้องคือน้องเป็นไอดอลที่มีคุณภาพ ทำยังไงก็ต้องดูกันต่อไปครับ
เรื่องของเพลงก็มีผลอยู่แล้วครับ แต่อย่างที่บอกว่าเราคงจะเอาทุกเพลงที่ทำมาให้ได้ใจทุกคนเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยเรามีประตูบานแรกที่เปิดให้ทุกคนได้รู้จัก ได้หันมาฟังหันมาเสพ สุดแท้แต่ว่าจากนี้ไป จะเดินไปตอนไหนเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในแต่ละหน้าที่อย่าง เช่นเพลงนี้ “ซูนีจิ” คือวันแรก เรื่องราวของการให้กำลังใจกับไปย้อนถึงวันแรกที่เราต่อสู้มาถึงทุกวันนี้เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องอีกเรื่องนึง สุดแท้แต่ว่าคุณจะ สนุกหรืออินกับเนื้อหาเพลงๆ นี้แค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกเราทำเต็มที่ของเรา เราเห็นแล้วแหละว่าความสำเร็จอยู่ตรงไหน ซึ่งวันนี้ก็เป็นเพลงของช้างศึก ไปให้กำลังใจทีมชาติไทยเพราะฉะนั้นเพลงเชียร์ มันก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ “เพลงซูนิจิ” จะไปอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นซิงเกิ้ลก็ต่อๆ ไปก็เช่นเดียวกัน อยู่ที่ว่าจะไปอยู่ตรงไหน จริงๆ จะเป็นซิงเกิ้ล ซิงเกิ้ลนึงมี 3 เพลง บ้านเราซิงเกิ้ลนึงมีเพลงเดียว