"ต้อม" เคลียร์โพสต์ฉะดารารุ่นลูก ไม่ใช่ "น้ำตาล" ขอไม่พาดพิงใคร

"ต้อม" เคลียร์โพสต์ฉะดารารุ่นลูก ไม่ใช่ "น้ำตาล" ขอไม่พาดพิงใคร

               หลังจากนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ "ต้อม รชนีกร พันธุ์มณี" เกิดอาการทนพฤติกรรมของรุ่นลูกร่วมงานไม่ไหวถึงขั้นออกมาโพสต์ฉะผ่านทางโซเชียล งานนี้หลายคนจับตามองว่าเป็นสาว "น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์" หรือไม่เพราะทั้งคู่กำลังร่วมงานละครกันอยู่ งานนี้ทางเจ้าตัวออกมาชี้แจงว่า

               ที่โพสต์คือ ก็จริงๆ ต้องเป็นละครที่เคยเล่นด้วยกันมานั่นแหละ ขอไม่พูดอะไรเยอะ เพราะเดี๋ยวจะเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก เอาเป็นว่าที่ลงโพสต์ออกไป พูดออกไป เป็นอะไรที่บางทีเราก็มีบ้างอัดอั้นตันใจ เราอยู่วงการนี้ก็นานแล้ว แล้วก็จากที่อยู่กันมาเราก็จะรู้จักคำว่า รุ่นพี่ รุ่นน้อง สัมมาคารวะ เวล่ำเวลา การให้ความเกรงใจกันและกัน ก็เลยมีความรู้สึกว่า ช่วงหลังๆ เรื่องพวกนี้หายไป แล้วมีความรู้สึกว่าหัวหงอกอย่างเราจะเป็นตัวอะไร ก็เลยอาจจะมีบ้างที่มีความรู้สึกว่าก็น้อยอกน้อยใจบ้าง แต่ว่า ณ วันนั้นอาจจะเป็นอารมณ์ผีเข้าผีออก ตามภาษาคนแก่ ก็อาจจะมีได้บ้าง ประมาณนี้ แต่ ณ วันนี้ก็คิดว่าทุกอย่างควรจะหยุด คือเราไม่สามารถจะหยุดคนอื่นได้ เราไม่สามารถจะไปปรับปรุง ไปบอกอะไรใครได้ว่าควรต้องหยุดอย่างนั้นอย่างนี้

               แต่สิ่งที่เราจะทำได้คือ ณ ตอนนี้ คือทำใจตัวเองว่า ณ ตอนนี้ด้วยโลก ด้วยวิวัฒนาการอะไรก็แล้วแต่เปลี่ยนไปเยอะมาก เลยรู้สึกว่าเราเปลี่ยนใครไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนตัวเองที่จะอยู่ ณ ตรงนี้ได้ คือที่โพสต์ไปเอาเป็นว่าไม่เจาะจงใคร ล่าสุดเหมือนมีน้องน้ำตาลออกมาชี้แจง ก็เราไม่ได้บอกอะไรเลย แต่ว่าเหมือนสมัยนี้เวลาคนเดินคือคิดว่าการเป็นดารา นักแสดงแล้ว จะเดินติดดินไม่ได้ พี่ก็แค่อยากจะบอกน้องๆ รุ่นลูกๆ หลานๆ ไปว่า ถึงเราจะเป็นดารา นักแสดง เป็นคนของประชาชนก็จริง แต่เราอยากให้คิดว่ามนุษย์คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องเหนือฟ้า ยูก็กินข้าวเหมือนคนปกติทั่วไป หนูก็เดินบนดินเหมือนคนปกติทั่วไป ยูไม่สามารถจะลอยได้ เอาเป็นว่าไม่ต้องพูดถึงดีกว่า เอาเป็นว่าไม่ใช่น้องน้ำตาล แต่ด้วยเวลาเป็นการสอดคล้องกัน เราเองก็ไม่ได้ทำละครเรื่องเดียวนี่ มีทั้งละคร เบื้องหลังอีก หลังจากโพสต์ไปแล้วมีคนสายตรงไหมเหรอ ก็โทรมาว่าอะไร เป็นยังไง บางเจ้าก็ได้คุยไป บางเจ้าก็ไม่ได้คุย ประมาณนี้ คนที่โทรก็จะเป็นเพื่อนๆ จะเป็นคนแวดล้อมมากกว่าที่โทรมาถาม ผู้จัดการน้องน้ำตาลไม่มีโทรมา ถามว่าอยากบอกอะไรน้องคนนั้นไหมเหรอ ก็ขอบอกโดยรวมดีกว่าว่า วงการนี้ก็มาแวบไปแวบนะ สมัยนี้ก็อย่างที่บอกควรจะรู้จักสัมมาคารวะ แล้วก็อยู่ให้เป็น รู้จักเวลา เพราะว่าไม่ใช่คนเดียวที่จะถ่ายละคร จะต้องมียี่สิบสามสิบชีวิตที่รอคุณอยู่ ความเกรงใจต้องมี ก็มีหลายๆ คน เพราะอันนี้เราบอกส่งต่อทุกๆ คน

               โดยรวมที่ปะทะมาที่เจอมาไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าใคร พี่จะเป็นประมาณนี้ว่า 1-10 ถ้าถึง 10 แล้วยังไม่ใช่ไม่ไหว ต้องบอก แต่คือ ณ ตรงนั้น ด้วยวัย ด้วยอารมณ์เราด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้มีอะไรก็ปรึกษาผู้ใหญ่ ก็จะมีเหมือนกันว่า ตอนนี้เราทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เราไม่สามารถที่จะอคติกับใครได้ เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถทำงานได้ อย่างที่บอก ณ ตอนนี้ต้องหลุดออกไปจากหัว เพราะถ้าเราทำงานกับใครแล้วมีอคติกับใครแบบนี้ เราอยู่วงการนี้ไม่ได้ เพราะจะอยู่ด้วยความไม่สบายใจ มองหน้ากันไม่ติด ผู้ใหญ่ที่เรียกคุยในที่นี้ก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ในวงการ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่เรานับถือ หลังจากที่โพสต์ไปแล้วน้องต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันมีพฤติกรรมเปลี่ยนขึ้นไหมเหรอ ก็น่ารัก ขำๆ ก็ยังร่วมงานกันได้ปกติ แต่ถ้าจะให้ร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่งก็ร่วมนะ เพราะอย่างที่บอกพี่ไม่มีอะไร พี่อาจจะปรี๊ดแค่วันนั้น

               แต่ ณ ตอนนี้พี่สงบแล้ว ก็อย่างที่บอกว่า เราไม่สามารถจะเปลี่ยนใครได้ เราต้องเปลี่ยนตัวเราเอง ถ้าเราเปลี่ยนตัวเราเองไม่ได้ก็อยู่กับคนรอบข้างไม่ได้ ก็ฝากบอกน้องๆ ทุกคนนะว่าไม่ต้องกลัวไม่ต้องเกร็งเวลาทำงานด้วยกัน โพสต์นั้นเดี๋ยวเอาออกก็ได้ ขำๆ เพราะบางทีโพสต์ไปก็ลืมๆ ไปแล้ว ถามว่ามีคนเข้ามาทายเยอะไหมเหรอ ก็จริงๆ ต้องบอกว่าโพสต์แล้วก็ช่างมัน เราก็แค่ต้องการระบายอารมณ์ก็ไม่ได้เข้าไปดู เพราะบางทีเพื่อนๆ พี่ๆ ก็ถามว่าเป็นอะไรไหม ทักไปโพสต์ไปหาก็ไม่อ่านไม่ได้ตอบ เราก็อย่างที่บอกว่าเราไม่ค่อยได้ดู