"วรรณวรรธน์" ผู้เขียน "หนึ่งด้าวฟ้าเดียว" แจงขันทีมีจริงหรือไม่ และทำไมต้อง "เจมส์จิ"
ดาราเดลี่ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "วรรณวรรธน์" ผู้ประพันธ์นิยายเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ที่กำลังจะมาเป็นละครทางช่อง 3 นำแสดงโดย แต้ว ณฐพร เจมส์ จิรายุ ถึงเรื่องราวหลากหลายประเด็นที่กำลังถกเถียงในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยุคสมัยในท้องเรื่องที่คล้อยมาจากละครยอดฮิตอย่าง "บุพเพสันนิวาส" รวมถึงประเด็นขันที ในประวัติศาสตร์ไทย ว่ามีจริงหรือไม่อย่างไร
ที่สำคัญประเด็นว่าด้วย "เจมส์ จิ" ในบทขันที นั้นเหมาะสมหรือไม่อย่างไร และนี่คือบางส่วนของความเห็นของ วรรณวรรธน์ ต่อประเด็นฮอตในโลกโซเซียล ว่าด้วยไทม์ไลน์ของนิยายหรือละครเรื่องหนึ่งด้าวฟ้าเดียวก่อน ทำไมต้องเป็นยุคปลายอยุธยา สาเหตุที่เลือกยุคนั้นเพราะอยากจะทำเพื่อเทิดพระเกียรติพระเจ้าตากสินมหาราชเลยเลือกช่วงเวลาดังกล่าวขึ้นมา แต่จริงๆแล้วที่เคยพูดไปหลายๆที่คือหลังจากที่ ทีวีซีน ประสบความสำเร็จมาจากเรื่องข้าบดินทร์ เลยมีการอยากต่อยอดละครโทรทัศน์ที่มีลักษณะเหมือนกับว่ากล่าวถึงประวัติศาสตร์เชิดชูวีรบุรุษวีรชนของประเทศไทยรวมทั้งอยากจะเชิดชูของพระเจ้าตากสินด้วยเลยมีการคุยกันว่าอยากทำละครในช่วงสมัยนั้นขึ้นมา เลยมาลงที่วรรณวรรธน์ ว่าเขียนได้ไหม เขาก็บอกว่าทำให้ได้
แต่ความน่าสนใจในการที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์เราต้องบอกว่าในเรื่องเดิมๆที่เป็นละครโทรทัศน์ ทั้งฟ้าใหม่ สายโลหิต หรือบางระจันทร์ มีการเล่าเรื่องในส่วนตรงนี้เยอะแล้ว ถามว่าเราจะเล่าเรื่องนั้นก็เป็นการเล่าเรื่องเดิม เราก็บอกว่าในฐานะคนที่เขียน นวนิยาย เราก็อยากทำอะไรที่แปลกใหม่ ทำเรื่องใหม่ให้กับคนดูและคนอ่านได้รับรู้ เลยบอกว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับขันที พูดถึงขันทีในประเทศไทยก็ตกใจว่ามีหรือไม่มี แต่ถ้าเกิดว่าเรายืนยันได้ว่ามันมีจริงแล้วเราก็ใส่ลงไปในตัวละครก็จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เลยนำเรื่องนี้ยื่นเสนอทางทีวีซี ทางพี่ปิ่น ทางช่อง 3 ก็โอเค เลยเกิดเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา
มาตรงคำว่า ขันที เป็นบุคคลที่มีในประวัตัศาสตร์ จริงหรือไม่อย่างไร ในประวัติศาสตร์ไทยมีเขียนไว้ชัดเจนเกี่ยวกับขันที แต่ว่ามีขันทีนักเทศเกิดขึ้น มียศฐา มีทั้งขุน เป็นทั้งพระ แต่ว่าเราก็มีหลักฐานพอไปดูทางหลักฐานเกี่ยวกับการแต่งกาย
การเป็นอยู่ของเขาก็มีเขียนไว้ชัดเจน การนุ่งห่มต่างๆ แล้วก็คอยถือหวายไล่บรรดามหาดเล็ก คนที่ชอบมาแอบดูนางสนม นางใน คือพวกนางในเวลาที่จะเข้าเฝ้าจะเดินทางไปไหนต้องมีผ้าบังไม่ให้ใครเห็น แล้วพวกมหาดเล็ก พวกผู้ชายก็อยากเห็น พวกขันทีก็จะทำหน้าที่ไล่ตีและคอยถือหวาย ในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้แล้ว เพียงแต่เราอาจจะไม่เคยได้เห็น เพราะคำพวกนี้ยังไม่ชินเราจะคุ้นกับขันทีที่อยู่ในสำนักจีน แต่ว่าของไทยเราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรานำเสนอขันทีจากประเทศไทยเราเองในรูปแบบของละครเกี่ยวกับเจมส์ จิ มีวิจาร์ณกันมากว่ายังไม่เหมาะกับะละครประเภทนี้ หรือมีความเห็นอย่างไร
คือบทขันที ที่วางให้เจมส์จิเพราะชอบน้อง ตอนที่เขียนคือเราประทับใจภาพลักษณ์ของเจมส์จิจากเรื่องจุฑาเทพ เป็นภาพพระเอกในนวนิยายได้ แล้วในฐานะที่เราเป็นคนเขียนก็วางต้นแบบไว้ แล้วก็ใส่คาแรคเตอร์ของน้องไป แต่ตอนเขียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นเจมส์จิ ก็ต้องเป็นเรื่องของคิวดารา หรือเป็นการจัดสรรค์เวลาของทีมผู้สร้างที่เขาจะเลือกคนไหน
ในโลกโซเชี่ยลวิจารณ์เรื่องคอสตูมของเหล่าขันทีพอสมควร ตรงนี้ คิดว่าตรงกันที่จินตนการหรือที่ไปค้นคว้ามาจริงๆไหม คอสตูมก็ต้นแบบชัดเจนและทางทีวีซีนก็บอกว่าต้นแบบมาจากไหนเราก็เล่ากันคุยกันว่าต้นแบบมาจากจิตรกรรมฝาผนังแบบนี้ๆ คอสตูมก็ไปศึกษาเพิ่มเติม เพราะการทำละครจะให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังอย่างเดียวก็ไม่ได้ ก็ต้องมีความสีสันสดใสดูที่ความเหมาะสมที่ทางคนออกแบบเครื่องแต่งกายแล้วเขาก็จะไปดูประวัติศาสตร์มาเทียบเคียงกัน โปรดั่กชั่นกับคอสตูมก็ออกมาได้แบบที่เราคิดไว้ ต้องบอกว่าประวัติศาสตร์มาแบบตายตัว มาเป็นภาพนิ่ง2ภาพก็ต้องไปพัฒนากันแล้วก็พัฒนาปรับเปลี่ยน
คิดว่ากระแสละครบุพเพสันนิวาสยังจะแรงส่งให้ละครประวัติศาสตร์ เรื่องนี้ ดีไปด้วยไหม ความสนุกของละครหรือกระแสของละครประวัติศาสตร์ที่กำลังมาก็ผู้เชียนดีใจมาก และต้องขอบคุณทางบุพเพสันนิวาสที่ทำให้งานประวัติศาสตร์ได้รับการเหลียวแลอีกครั้งนึงเหมือนกับจากที่ไม่มีคนพูดถึงเพราะการทำละครหรือการเขียนนวนิยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เรื่องนึงยากมากนะ เพราะถ้าเขียนออกมาแล้วคนดูไม่ชอบ ต่อไปก็ไม่ขึ้นมา แต่พอมีเรื่องนึงที่ทำให้เป็นกระแสที่ดีขึ้นมาก็ทำให้คนทั้งประเทศมาสนใขก็ทำให้เรามีกำลังใจในการเขียนงานแบบนี้ต่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี คนอื่นก็จะสนใจเรื่องของประวัติศาสตร์มากขึ้น แล้วก็มีการแข่งขันกันมากขึ้น และสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดก็ตกไปที่ผู้เสพผู้ชม ทางผู้อ่านก็ได้รับความบันเทิงมากขึ้นที่หลากหลายและเข้มข้น
อีกเรื่องคือ กลบท หรือรหัสลับในยุคอยุธยา ได้สืบค้นมาอย่างไร ฉากที่เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ใหม่ก็จริงๆแล้วเรื่องของประเด็นขันทีก็ใหญ่มากแล้วนะเป็นข้อมูลที่เราอยากจะฝากไว้และเป็นบริบทของความอัจฉริยภาพของคนไทยกับการตีความรหัสลับที่อยู่ในภาษาไทย เรามีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนตัวหนังสือเป็นของเราเอง ในขณะเดียวกันบรรพชนของเราท่านพลิกแพลงตัวอักษรพยัญชนะเราเป็นรหัสลับได้ระดับเดียวกับดาวินชี่เลย ซึ่งเป็นความอัจฉริยะของคนไทยที่เราน่าจะมานั่งดูด้วยความภาคภูมิใจด้วยกันว่านี่คือเป็นประเทศเดียวในโลกที่เป็นลักษณะนี้